วันนี้ (24 ธ.ค 67) ที่ประตู 4 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยถึง ความคืบหน้า คดี นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ ส.จ.โต้ง หลังจากที่กองบังคับการปราบปราม ได้รับสำนวนคดี มาทำแล้ว กังวลหรือไม่และจากข้อมูลที่ตำรวจมีครบถ้วนหมดแล้วหรือไม่

พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ศักยภาพของตำรวจไทยโดยเฉพาะในขณะนี้ การทำงานร่วมกันที่ผ่านมา ทั้งตำรวจภูธรภาค 2 ทำงานร่วมกับกองบังคับการปราบปราม ทำดีอยู่แล้ว แต่เพื่อเป็นการเปลี่ยนในความหวาดระแวงในการทำคดีในพื้นที่จึงเปลี่ยนมาใช้ส่วนกลางที่กองปราบทำอยู่แล้ว และกังวลใจหรือไม่เพราะตอนนี้มีขบวนการต่างๆเข้ามาทำให้การสืบสวนสอบสวนทำให้ไม่น่าเชื่อถือ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ตอบว่า ไม่กังวล

ส่วนการทำงานของภาค2 ก่อนที่จะส่งคดีมาให้ทางกองบังคับการปราบปรามทำผลงานระดับไหน นั้น ตนพอใจให้คะแนน เต็ม10  ปัจจุบันคดีอยู่ในมือกองปราบทุกอย่างก็ทำไปตามหน้าที่ และกระบวนการตามกฎหมาย ไม่มีนอกเหนือไม่จากนั้น ทุกอย่างชัดเจนถูกต้อง ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายแน่นอน และในส่วนของการที่มีการออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติม ตรงนี้ ตนยังไม่ทราบ เพราะสำนวนคดีทั้งหมด ส่งให้กองปราบเรียบร้อย หมายความว่า ข้อสังการเดิมที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ที่สั่งให้ตนไปรับผิดชอบต้องเปลี่ยนไป

และจากการสืบสวนสอบสวนที่ผ่านมา ยืนยันได้หรือไม่ว่าคดีจะไม่พลิกนั้น อยากให้เชื่อมั่น ว่า ผบ.ตร.และผู้บังคับบัญชาท่านอื่น ไม่เอาเกียรติและศักดิ์ศรี เพียงเพราะเพื่อให้คนผิดพ้นโทษ อยากให้มั่นใจในการทำงานของตำรวจทุกนายยังมองแรงจูงในการฆาตกรรมเป็นเรื่องเดิมหรือไม่ ยืนยันว่า เวลาเกิดคดีทุกครั้งต้องมีการประเมิน การตั้งประเด็น หาสาเหตุเชื่อมั่นว่า ตอนนี้คดีที่ทำ เดินมาถูกทางแล้ว และจะทำต่อไป

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน