จากกรณี เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 22 กรกฏาคม 2567 เกิดเหตุ ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ใช้อาวุธปืนลูกซองยาว 5 นัด บุกยิงอดีตภรรยา สามีใหม่ และครอบครัว เสียชีวิต จำนวน 4 ราย ที่บ้านหลังหนึ่ง ในบ้านพัฒนา หมู่ 8 ตำบลหนองไผ่ อำเภอเมืองฯ จังหวัดศรีสะเกษ ส่วนผู้ก่อเหตุ นั้น ได้หลบหนีไป ก่อนพบยิงตัวตายเสียชีวิต ที่อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 กรกฏาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่เหตุเสียชีวิต 4 ศพ ที่บ้านพัฒนา หมู่ 8 ตำบลหนองไผ่ อำเภอเมืองฯ จังหวัดศรีสะเกษ ปรากฏว่า ขณะนี้ ทางครอบครัวและญาติๆของผู้เสียชีวิต ได้ช่วยกันเก็บของและทำความสะอาดภายในบ้านที่เกิดเหตุ โดยบรรยากาศยังเป็นไปด้วยความโศกเศร้า และญาติพี่น้องยังอยู่ในอาการช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นายอุดมศักดิ์ โกกะพันธ์ อายุ 68 ปี ซึ่งเป็นลุงของ นางดวงเดือน เปิดเผยว่า ปกติบ้านหลังนี้ จะมานั่งกินข้าวอยู่ หน้าบ้านเป็นประจำ โดยก่อนเกิดเหตุ นายปรมัตถ์ สามีใหม่ของนางสาวดวงเดือน นายบุญเลื่อน น้าชายของนางสาวดวงเดือน และ นางหยกมณี แม่ของนางสาวดวงเดือน นั่งทานข้าวกันอยู่หน้าบ้าน ส่วนนางสาวดวงเดือนนั้น อยู่ในบ้านกับลูกชายและ ต่อมา นายปฐพี มีบาง หรือนายเขี้ยว อดีตสามีของนางสาวดวงเดือน และเป็นอดีต ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ ได้ใช้อาวุธปืนลูกซองยาว เข้ามายิงคนภายในบ้าน โดยเริ่มต้น จากยิงนายปรมัตถ์ สามีใหม่ของนางสาวดวงดวงเดือน เสียชีวิต และต่อมา ได้ยิงนางหยกมณี อดีตแม่ยาย ซึ่งหลังจาก นางหยกมณี ถูกยิง ได้พยายามวิ่งหนี แต่ถูกยิงซ้ำ และมาเสียชีวิตที่หน้าห้องน้ำ ขณะที่นายบุญเลื่อน น้าชายของนางสาวดวงเดือน เมื่อเห็นเช่นนั้น ได้วิ่งเข้าไปภายในบ้านก่อนถูกคนร้าย ตามไปยิงเสียชีวิต ภายในบ้าน

ขณะที่ ทาง นางสาวดวงเดือน เมื่อได้ยินเสียงปืน ได้ผลักตัวลูกชายเข้าไปซ่อนในห้องน้ำก่อน ที่นางสาวดวงเดือนจะถูกคนร้าย ยิงเสียชีวิต เป็นคนสุดท้าย โดยผู้เสียชีวิต ทั้งหมดถูกกระสุนปืนลูกซองยิงเข้าที่ศรีษะและใบหน้า หลังจากเกิดเหตุ ลูกชายของนางสาวดวงเดือน ได้เข้าไปขอความช่วยเหลือ จากคนภายในหมู่บ้าน โดยขณะนี้ทางญาติได้กำลังหารือกันว่า จะนำร่างของผู้เสียชีวิต ประกอบพิธีทางศาสนาอยู่ในวัดภายในหมู่บ้านและติดตามเกี่ยวกับเรื่องการชันสูตรศพ หรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือกันในเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จ.ศรีสะเกษ รายงาน