ซ้อลักษณ์ เข้ายื่นหนังสือกระทรวงมหาดไทย พร้อมเอกสารหลักฐาน ปมดำเนินกิจการของมูลนิธิเป็นหนึ่ง

ซ้อลักษณ์ เข้ายื่นหนังสือกระทรวงมหาดไทย พร้อมเอกสารหลักฐาน ปมดำเนินกิจการของมูลนิธิเป็นหนึ่ง

วันนี้(18 ก.ค. 67) น.ส.วิไลลักษณ์ ไชยชาญ หรือ ซ้อลักษณ์ พร้อมด้วย นายรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม และ นายแม่ปุ๊กกี้ อดีตผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเป็นหนึ่ง เดินทางมายังศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย เพื่อเข้ายื่นหนังสือถึงนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการดำเนินการจัดตั้งและการดำเนินกิจการของมูลนิธิชื่อดัง เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ หลังก่อนหน้านี้ “ซ้อลักษณ์” แจ้งความดําเนินคดีกรณีถูกปลอมแปลงลายเซ็นในการจัดตั้งมูลนิธิ

“ซ้อลักษณ์” กล่าวว่า การออกมาครั้งนี้ยังยืนยันว่าไม่ใช่ปัญหาส่วนตัว แต่เพราะเห็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมจึงต้องออกมาพูด ในส่วนของเรื่องการจัดตั้งมูลนิธิ เบื้องต้นยอมรับว่าตนมีการส่งเอกสารไปแต่ไม่ได้มีการเซ็นชื่อสักใบ ซึ่งยอมรับว่ามีการพูดคุยถึงการจัดตั้งมูลนิธิจริงและจะวางตําแหน่งกัน แต่ตนปฏิเสธเพราะไม่สะดวกในการลงพื้นที่เนื่องจากอยู่ต่างจังหวัด แต่ยินดีช่วยเหลือและซัพพอร์ตเรื่องการเดินทาง แต่เขากลับพูดในไลฟ์สดว่าไม่มีใครคอยซับพอร์ตหรือสนับสนุน ทั้งที่มีบุคคลท่านหนึ่งคอยโอนเงินช่วยเหลือในการลงพื้นที่ทุกครั้ง รวมถึงบรรดาเอฟซีที่ติดตามก็ได้มีการโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวของประธานมูลนิธิสาวตกเดือนละประมาณ 5-6 หมื่นบาท และตนเอง โดยมีหลักฐานเป็นสลิปโอนเงินทุกครั้ง อีกทั้งยังมีการขอเงินทุนจากต่างประเทศจํานวน 150,000 บาทอีกด้วย แต่ยังไม่ได้รับเนื่องจากมีประเด็นต่างๆออกมาเสียก่อน

ในส่วนของลายเซ็นปลอมในการจัดตั้งมูลนิธินั้น “ซ้อลักษณ์“ ระบุว่า ตนเพิ่งมาเห็นว่ามีชื่อเป็นกรรมการมูลนิธิทั้งที่ไม่เคยเซ็นชื่อ จึงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เพราะผู้ที่จะเป็นกรรมการจะต้องไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่เขามาเสนอขายตําแหน่งทางการเมืองให้ แบบนี้เหมือนขาเข้าคุกไปข้างหนึ่งแล้ว หากเขามองตนเป็นเพื่อนหรือคนในครอบครัวจริงไม่น่าทํากันแบบนี้ “เพื่อนแบบไหนที่เอาขาข้างหนึ่งของเพื่อนเขาไปอยู่ในคุก”

ด้าน นายรภัสสิทธิ์ รองประธานมูลนิธิรณรงค์ฯ กล่าวว่า ปกติการจัดตั้งมูลนิธิ กรรมการหรือผู้ร่วมก่อตั้งทุกคนจะต้องลงนามรับรองหนังสือทุกฉบับ และที่สําคัญจะมีเอกสารสําคัญฉบับหนึ่งที่เป็นเอกสารลงนามรับรองตัวของกรรมการมูลนิธิเอง ซึ่งหมายความว่า “ซ้อลักษณ์” ต้องเซ็นเอกสารดังกล่าว แต่ “ซ้อลักษณ์“ ไม่ได้เซ็นลงนามเอกสารฉบับนั้น จึงมีการแจ้งความดําเนินคดี ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นทําให้การจัดตั้งมูลนิธิดังกล่าวเป็นการจัดตั้งโดยมิชอบตั้งแต่ต้น ส่วนกรรมการรายอื่นๆ ที่มีชื่ออยู่ในเอกสารการตัดตั้งมูลนิธินั้นจะถูกปลอมแปลงลายเซ็นหรือไม่ ตนไม่ทราบหากถูกปลอมก็จะต้องออกมาดําเนินการตามกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ทางนายทะเบียนที่เป็นผู้รับผิดชอบมูลนิธินั้นๆ สามารถบุกเข้าตรวจสอบสถานที่ตั้งได้ว่าดําเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

ขณะที่ นายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ รองอธิบดีกรมการปกครอง เป็นผู้ลงมารับหนังสือแทนรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่า หลังรับเรื่องจะดําเนินการตรวจสอบเนื้อหาต่างๆ เพื่อส่งให้นายทะเบียนดําเนินการ ซึ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เป็นอํานาจของปลัดกระทรวงมหาดไทย ส่วนต่างจังหวัดเป็นอํานาจของผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งมูลนิธิดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.นนทบุรี ซึ่งนายทะเบียนมูลนิธิมีอํานาจในการเข้าตรวจค้นตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนพระอาทิตย์ตกตามกฎหมาย หากพบมีการทําผิดจริงก็จะต้องถูกสั่งยุบมูลนิธิไป ส่วนเรื่องการเรียกรับบริจาคมูลนิธิสามารถทําได้แต่ต้องไม่เอาเงินดังกล่าวมาแบ่งใช้จ่ายกันเอง ทั้งนี้ในเดือนมีนาคมมูลนิธิทุกแห่งจะมีการยื่นงบดุลเพื่อให้กรมสรรพากรตรวจสอบทุกปี

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ นครบาล รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ