ยายสงสัยหลานวัย 13 ปี ท้องโตผิดปกติ เข้าไปถามความจริง สุดช็อก ร้องไห้โฮ รีบแจ้งความ ลากคอมันเข้าคุก

ยายสงสัยหลานวัย 13 ปี ท้องโตผิดปกติ เข้าไปถามความจริง สุดช็อก ร้องไห้โฮ รีบแจ้งความ ลากคอมันเข้าคุก

วันที่ 28 มิ.ย.2567 พ.ต.อ.ณัฐ พรหมเทพ ผกก.สภ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี สั่งการกำลังตำรวจฝ่ายสืบสวนนำหมายจับไปจับกุมตัว นายสิงห์ (นามสมมติ) อายุ 67 ปี หลังได้รับรายงานผลตรวจดีเอ็นเอยืนยันว่า นายสิงห์ เป็นผู้ต้องหาก่อเหตุกระทำชำเราหลานสาว อายุ 13 ปีจนต้องครรภ์ 6 เดือน นำตัวมาสอบสวน เบื้องต้นนายสิงห์ยังให้การปฏิเสธ

สำหรับคดีนี้สืบเนื่องจาก นางนางหนึ่ง (นามสมมติ) ผู้เป็นยายโทรสายด่วน 1134 ร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แจ้งว่าหลานสาวอายุ 13 ปี ถูกนายสิงห์ กระทำชำเราในห้องน้ำโรงเรียนร้างระหว่างเดินทางกลับบ้านช่วงเดือน พ.ย.2566 จนหลานตั้งครรภ์ 6 เดือน ที่ผ่านมาหลานไม่เคยบอกใครเพราะถูกนายสิงห์ขู่ฆ่าเอาไว้ จนวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา ยายเห็นหลานท้องโตผิดปกติจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น หลานสาวก็ร้องไห้โฮพร้อมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น

จากนั้นยายพาหลานไปแจ้งความที่สภ.ดอนสัก และพาไปตรวจร่างกายที่รพ. แพทย์ระบุอายุครรภ์ 6 เดือนและอัลตร้าซาวด์พบว่าเด็กในครรภ์มีความผิดปกติ ทีมแพทย์และสหวิชาชีพได้ประชุมแล้วมีความเห็นให้ยุติการตั้งครรภ์ซึ่งยายก็เห็นด้วย

โดยทีมแพทย์เก็บดีเอ็นเอของเด็กในครรภ์และแม่ไว้เพื่อเป็นหลักฐานดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ ซึ่งยายกับหลานอาศัยอยู่กันเพียง 2 คน เกรงจะไม่ปลอดภัยเพราะนายสิงห์ เป็นพ่อตาผู้ใหญ่บ้านจึงขอให้มูลนิธิปวีณาฯช่วยติดตามคดีให้

จากนั้นนางปวีณา ประสาน พ.ต.อ.ณัฐ พรหมเทพ ผกก.สภ.ดอนสัก เพื่อให้ยายกับหลานเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติม โดยพนักงานสอบสวนได้ประสานขอผลตรวจร่างกายและผลดีเอ็นเอจากแพทย์พร้อมกับจัดสอบสหวิชาชีพเด็กหญิงไปแล้วเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับนายสิงห์

จนกระทั่งหมายจับออกจึงไปควบคุมตัวมาสอบสวน แต่นายสิงห์ให้การปฎิเสธเจ้าหน้าที่จึงส่งนายสิงห์ไปตรวจดีเอ็นเอ ปรากฏว่าผลดีเอ็นเอตรงกับเด็กในครรภ์ของเด็กหญิงผู้เสียหายในความเป็นพ่อแม่ลูก จึงแจ้งข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบห้าปี, พรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร, พาเด็กอายุไม่เกินสิบหน้าปีไปเพื่อการอนาจาร และกักขังหน่วงเหนี่ยว ควบคุมตัวไว้เตรียมส่งฝากขังศาลวันที่ 29 มิ.ย.นี้พร้อมคัดค้านการประกันตัว

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ