จ่าคิงส์ พา หนึ่ง บางปู ร้องกองปราบฯ โดนตำรวจอดีตสามีคุกคาม ขอคุ้มครองพยาน

จ่าคิงส์ พา หนึ่ง บางปู ร้องกองปราบฯ โดนตำรวจอดีตสามีคุกคาม ขอคุ้มครองพยาน

วันที่ 14 มิ.ย.67 ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงานว่า ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ พร้อม ทนานเจส นายณัฐปกรณ์ สุดชา พา“หนึ่ง บางปู“เจ้าของTikTokบัญชี หนึ่งบางปูofficial ผู้ติดตามกว่า 5 แสนคน และอดีตนักแสดงก่อนบ่ายคลายเครียดโดนอดีตสามีตำรวจร้องถอดถอนสิทธิการเป็นแม่กับศาลเรื่องดูแลลูกแต่เพียงฝ่ายเดียว และยักยอกเงินจำนวน 200 ล้านบาทเอาเงินไปทำรีสอร์ทที่ ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น ให้เมียน้อย นอกจากนี้อดีตสามีชอบเอาปืนมาข่มขู่เป็นประจำ ขอร้องกองปราบฯ คุ้มครองพยานและเอาผิดอดีตสามีที่เป็นตำรวจ ยักยอกเงินกว่า 200 ล้านบาท ซ้ำยังถูกฟ้องถอนดูแลบุตรโดยอ้างว่าป่วยเป็นคนวิกลจริต

น.ส.วรัชญากรณ์ อ่อนธรรม หรือ หนึ่ง บางปู เปิดเผยว่า เมื่อปี 2558 ตนแต่งงานกับอดีตสามีที่เป็นตำรวจยศดาบตำรวจนายหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี ซึ่งตอนนั้นตนยังไม่ได้มีฐานะร่ำรวยหรือประกอบธุรกิจ จนกระทั่งเริ่มรับงานแสดงและด้วยความไว้ใจจึงให้อดีตสามีเป็นผู้เก็บเงิน และเป็นผู้ครอบครองทรัพย์สินและธุรกิจทุกอย่าง ซึ่งขณะนั้นอดีตสามีก็ใช้เงินฟุ่มเฟือยซื้อรถยนต์ ซื้อควาย รวมแล้วมีมูลค่าเกือบ 200 ล้านบาท และสามีได้นอกใจตนจึงได้ตัดสินใจเลิกลากันไปเมื่อปี 2564

1 ปีต่อมา อดีตสามีได้กลับมาขอคืนดี และขอแต่งงานใหม่ โดยตนนสงสารลูกจึงยอมและคิดว่าอดีตสามีน่าจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นแล้ว แต่ปรากฏว่าแต่งงานรอบ 2 กันได้แค่ 10 กว่าวัน สามีก็เริ่มแสดงอาการพฤติกรรมเดิม จึงตัดสินใจเลิกลากันไปเป็นครั้งที่ 2

ต่อมาทั้งคู่ได้มีการฟ้องร้องกัน 2 คดี คือ ฟ้องแบ่งสินสมรส และฟ้องเอาลูกคืน ซึ่งทั้ง 2 คดีอยู่ในชั้นศาล โดยเมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา ศาลจังหวัดทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรีได้นัดทั้งคู่ไปไกล่เกลี่ยกันครั้งสุดท้าย ซึ่งอดีตสามีได้พยายามจะเข้ามาทำร้ายตนจนทำให้ศาลฯต้องสั่งห้าม พร้อมกับนัดสืบพยานในคดีแบ่งสินสมรส ครั้งสุดท้ายในวันที่ 18 และ 19 มิถุนายนที่จะถึงนี้ และจะพิพากษาในวันที่ 20 มิถุนายนนี้

ส่วนคดีฟ้องเอาลูกคืน ฝ่ายอดีตสามีได้ฟ้องตนและอ้างว่าตนป่วยเป็นโรคอารมณ์สองขั้ว เป็นคนวิกลจริตไม่สามารถดูแลบุตรได้ และเรียกร้องให้ตนจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรเดือนละ 10,000 บาทถึง 30,000 บาทจนกว่าลูกสาวของตนจะเรียนจบ ซึ่งทำให้ตนตั้งคำถามว่าถ้าตนป่วยเป็นไม่ควรไม่ควรจะติดจริงทำไมถึงให้คนที่คนสุจริตส่งเสียค่าเลี้ยงดูบุตรสาว ถึงแม้ว่าตอนนี้ลูกสาวจะอยู่ในความดูแลของอดีตสามีแต่ตนก็อยากได้ลูกสาวกลับคืนมาเพราะตนเห็นลูกสาวครั้งสุดท้ายเมื่อ 1 ปีที่แล้วก็เห็นว่าลูกสาวอยู่ในสภาพที่ซูบผอม พร้อมกับวอนทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้าไปช่วยเหลือลูกสาวของตนอยากเร่งด่วน และยืนยันว่าตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาตนพยายามหาทางช่วยเหลือลูกสาวอยู่ตลอดเวลา

ส่วนสาเหตุที่ตนป่วยเป็นโรคอารมณ์ 2 ขั้วเนื่องจาก สมัยที่แต่งงานอยู่กินด้วยกันอดีตสามีมีอารมณ์ที่ค่อนข้างรุนแรงแต่ยังไม่เคยถึงขั้นทำร้ายร่างกาย โดยมีอยู่ครั้งหนึ่งอดีตสามีง้างหมัดเกือบจะทำร้ายตนแต่เคราะห์ดีที่มีพนักงานมาเห็นจึงได้เข้ามาห้ามทัน นอกจากนี้ตนยังเคยถูกอดีตสามีพูดกดดันทวงถามเงิน 300,000 บาทอยู่บ่อยครั้ง จนทำให้ตนต้องไปรักษาตัวนานกว่า 3 ปี ซึ่งปัจจุบันนี้อาการหายขาดแล้ว

ทั้งนี้อดีตสามีของตน ขณะนี้เป็นตำรวจยศร้อยตำรวจตรีสังกัด สภ.เมืองอุดรธานี โดยที่ผ่านมาตนยังไม่เคยยื่นเรื่องถึงผู้บังคับบัญชาของอดีตสามี แต่หลังจากนี้จะพิจารณาร้องเรียนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยของอดีตสามี

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสอบ บก.ป.ปากคำผู้ร้องเพื่อหาทางช่วยเหลือตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ