สืบ ตม.1 เข้ม ลงพื้นที่กวาดล้างต่างด้าวลอบเร่ขายผลไม้ แย่งอาชีพคนไทย พยายามซิ่งซาเล้งหนี แต่ไม่รอด

สืบ ตม.1 เข้ม ลงพื้นที่กวาดล้างต่างด้าวลอบเร่ขายผลไม้ แย่งอาชีพคนไทย พยายามซิ่งซาเล้งหนี แต่ไม่รอด

ตามนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดยกระดับการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมโดยให้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรมโดยเฉพาะความผิดที่เกี่ยวกับคนเข้าเมือง และความผิดเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวซึ่งแย่งอาชีพคนไทยในสภาวะเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว โดยให้ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานรัฐทุกภาคส่วนให้มีความเป็นเอกภาพและมีประสิทธิภาพในการทำงาน

พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1,พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ รอง ผบก.ฯ ปรก.บก.ตม.1,พ.ต.อ.กาจภน ปฐมัง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.พรชัย สุขเจริญ รอง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 นำชุดปฏิบัติการ นำโดย พ.ต.ต.สวรรค์ ราชพิทักษ์, พ.ต.ต.เจตน์ ยุทธโยธิน สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 4 ภายใต้อำนวยการของ น.ส.อัญฒิกา ทองเปลว รรท. ผอ.จัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 4 ลงพื้นที่กวาดล้างกลุ่มคนต่างด้าวลักลอบเร่ขายสินค้าผลไม้ตามฤดูกาล โดยเฉพาะทุเรียน ซึ่งกำลังเป็นผลไม้ที่นิยมในขณะนี้ โดยได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบตลอดแนวถนนนวมินทร์ เขตคันนายาว ตลอดจนถึงเขตบึงกุ่ม โดยพ่อค้าแม่ค้าต่างด้าวต่างพยายามซิ่งซาเล้งหนี แต่ไปไม่รอด โดยสามารถติดตามจับกุมตัวกลับมาได้ 3 ราย (รถซาเล้ง 2 คัน แผงค้า 1 แผง) และหนีไปได้ 1 ราย

ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน บก.ตม.1 และจัดหางานพื้นที่ 4 จะขยายผลตามไปจับกุมตัวได้ที่บ้านเช่าในละแวกดังกล่าว จนครบ 4 ราย แบ่งเป็นสัญชาติลาว 1 ราย และสัญชาติเวียดนาม 3 ราย และยังพบว่ามีการสต๊อกขนุน และผลไม้อื่น ไว้ที่บ้าน เพื่อเตรียมจะนำขึ้นรถซาเล้งและนำออกไปขายในวันต่อไป

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบผู้ถูกจับทั้งหมดมีหนังสือเดินทางให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบ พบว่าได้รับการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้เพื่อการท่องเที่ยว ซึ่งไม่สามารถทำงานในราชอาณาจักรได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเร่ขายสินค้า เนื่องจากการเร่ขายสินค้านั้น เป็นงานต้องห้าม คนต่างด้าวไม่สามารถทำได้ อันเป็นความผิดตามมาตรา 8 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561 สำหรับตัวบุคคลต่างด้าวมีโทษปรับ 5,000-50,000 บาท ส่วนนายจ้างจะมีโทษปรับสูงสุดถึง 100,000 บาท จึงได้ทำการจับกุมตัวคนต่างด้าวทั้ง 4 ราย ส่ง พนักงานสอบสวน สน.โคกคราม ท้องที่เกิดเหตุ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.กาจภณฯ กล่าวว่า การปฏิบัติการครั้งนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 เป็นหน่วยงานหลัก ในการดำเนินการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายกับชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด รวมถึงการแย่งอาชีพคนไทย

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ใคร่ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนในการช่วยกันสอดส่องเป็นหูเป็นตาและแจ้งเบาะแส โดยขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1178 หรือที่ www.immigration.go.th

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ