เกิดอุบัติเหตุหนุ่มขับรถเก๋งพุ่งชนเสาไฟฟ้า แฟนสาว อาจารย์คณะทันตแพทยศาสตร์เสียชีวิต เกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 6 พ.ค. ที่ผ่านมา สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี รับแจ้งอุบัติเหตุรถเก๋งเสียหลักชนเสาไฟฟ้าข้างทางมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส บริเวณถนนเลียบคลองแอล 1-2 หมู่ 5 ต.คลองสอง ไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.สุชัย แสงส่อง รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.คลองหลวง แพทย์เวรโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง หน่วยกู้ชีพบัวเพชร และเจ้าหน้าที่อาสาหงสกุล ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งโตโยต้าสีแดง ทะเบียน 3 ขฆ 8256 กรุงเทพมหานคร เสียหลักชนเสาไฟฟ้าตกอยู่ริมทางข้างคลอง สภาพหน้ารถฝั่งซ้ายมีรอยชนพังยับเยิน ที่เบาะนั่งข้างคนขับพบร่าง น.ส.พนิดา ผดุงพล อายุ 28 ปี อาจารย์สอนคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น

นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน ชื่อนายธีระพงษ์ ศรีพรม อายุ 28 ปี ชาว อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ทำงานอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร คนขับเป็นแฟนหนุ่มของผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่นำส่ง รพ.บางปะกอกรังสิต 2 จากการสอบสวนนายธีระพงษ์ แฟนหนุ่มได้ให้การเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุขับรถพา น.ส.พนิดแฟนสาว ไปเที่ยวซื้อของที่โรงเกลือนวนคร ระหว่างมุ่งหน้ากลับบ้านย่านคลองสอง อ.คลองหลวง ถึงจุดเกิดเหตุเหมือนมีอะไรตัดหน้ารถจนต้องหักหลบกะทันหัน ทำให้รถเสียหลักชนกับเสาไฟฟ้าพุ่งลงข้างทาง

สายวันรุ่งขึ้น นายดำ ผดุงพล พ่อ น.ส.พนิดาและญาติๆร่วมกันทำพิธีเชิญดวงวิญญาณผู้เสียชีวิตกลับบ้าน จากนั้นเดินทางไปรับร่างกลับไปตั้งบำเพ็ญ กุศลที่วัดจักรวรรดิ์ บ้านหนองแวง ต.โคกกุง อ.แก้งคร้อ นายดำ เปิดเผยด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยว่า น.ส.พนิดา ลูกสาวกำลังมีอนาคตไกล คบหากับนายธีระพงษ์ ทั้งคู่หมั้นกันไว้แล้วเมื่อปีใหม่ปี 66 มีแผนจะแต่งงานกันในปี 68 ปัจจุบันอยู่ด้วยกันที่บ้านใน จ.ปทุมธานี ตนจะไปๆมาๆเพื่อเยี่ยมลูกสาว เท่าที่สอบถามแฟนหนุ่ม ไม่ได้เล่าอะไรมาก เอาแต่ร้องไห้ บอกเพียงว่ากำลังจะกลับเข้าบ้านและมีอะไรวิ่งตัดหน้า ส่วนตัวไม่อยากพูดอะไรมาก คิดว่าเป็นอุบัติเหตุและไม่โกรธ เพราะลูกสาวกับแฟนหนุ่มรักกัน ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้

ด้าน พ.ต.ท.สุชัย แสงส่อง รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.คลองหลวง กล่าวว่า หลังเกิดเหตุให้แพทย์ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของนายธีระพงษ์แฟนหนุ่ม ที่เป็นคนขับขี่รถว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่ากฎหมาย กำหนดหรือไม่ เบื้องต้นยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา เนื่องจากผู้ขับขี่ยังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล หากให้ปากคำได้เมื่อไหร่จะแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตา ย และหากมีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายเกินกว่ากฎหมายกำหนดจะ แจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับเพิ่มเติมอีกกระทง