เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 4 พ.ค. 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง ได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกแทงเสียชีวิต บริเวณใต้สะพานทางด่วนกาญจนาภิเษกหมายเลข 9 ถนนเลียบคลองสาม หมู่ 15 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้ง จึงประสานไปยังแพทย์เวรจากนิติเวช รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และเจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุบริเวณใต้สะพานริมคลองสาม เจ้าหน้าที่พบศพชายนอนเสียชีวิต สภาพนอนหงายมีบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคมเข้าชายโครงหลังซ้าย 1 แผล และใบหน้ามีรอยปูดบวมช้ำ ทราบชื่อนายธีรวุฒิ อายุ 33 ปี ชาวเขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร

จากการสอบถามนายจีรวัฒน์ อายุ 28 ปี เพื่อนผู้เสียชีวิต ให้การว่า ผู้เสียชีวิตโทรมาหาบอกว่า อยู่เลียบริมคลองใต้ทางด่วนให้มาหาหน่อย ตนจึงบอกว่าแล้วไปทำอะไรตรงนั้น ขอเวลา 10 นาทีได้ไหมตอนนี้ทำธุระก่อน สักพักเพื่อนอีกคนที่มากับผู้เสียชีวิตโทรมาหาบอกว่า ผู้เสียชีวิตถูกแทง ถูกฟันตกลงไปในน้ำ ตนจึงรีบมาที่เกิดเหตุ เพื่อมาดูเพื่อน ตนไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรกับใคร ผู้เสียชีวิตทำงานอยู่แถวบางปะอินช่วยทำความสะอาดหอพัก

ทราบแต่เพียงว่า ผู้เสียชีวิตเดินทางมาหาแฟนที่เป็นผู้หญิงชื่อ น.ส.อาย โดยฝ่ายผู้หญิงโทรไปหาให้ผู้เสียชีวิตออกมา ก่อนที่จะมาถูกทำร้าย ซึ่งวันนี้ทั้ง 2 คนกำลังจะเลิกกัน ผู้เสียชีวิตจึงอยากจะขอโทรศัพท์คืน เลยขับรถมาที่นี่ แล้วก็มาเสียชีวิตแบบนี้ ซึ่งตนได้ถามเพื่อนที่มาด้วยกัน บอกว่า วัยรุ่นฝั่งนี้เตรียมรออยู่แล้ว

ด้านนายทืม อายุ 31 ปี คนที่ลงไปช่วยผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนเห็นว่ามีกลุ่มวัยรุ่นกำลังทะเลาะกัน จึงให้ตะโกนบอกว่าหยุดๆ อย่ามีเรื่อง แล้วเข้าไปช่วยห้าม ซึ่งตอนนั้นที่ตนมาเห็น คือผู้เสียชีวิตอยู่ในน้ำแล้ว และไหลออกไปกลางคลอง จึงกระโดดลงไปช่วย ลักษณะคว่ำหน้าจมน้ำ ก่อนที่จะลากขึ้นมาบนฝั่ง พบว่ามีเลือดไหลทะลักตามลำตัว และหู

ต่อมา พ.ต.ท.สิรภพ บัวหลวง สว.สส.สภ.คลองหลวง ได้ทำการสืบสวนสอบสวนจนทราบตัวผู้ก่อเหตุใช้มีดแทงผู้เสียชีวิต จึงติดต่อให้มอบตัวและผู้ก่อเหตุยอมเข้ามอบตัวในที่สุด ทราบชื่อเล่น นาย อายุ 15 ปี เบื้องต้นรับสารภาพโดยบอกว่า ไม่ได้ตั้งใจใช้มีดแทง

ด้าน พ.ต.ท.ชุมพล ทรงงาม สารวัตร (สอบสวน) สภ.คลองหลวง ทำการบันทึกภาพในที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งมอบศพให้มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนำร่างผู้เสียชีวิต ส่งผ่าพิสูจน์ยังนิติเวชโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงอีกครั้ง ส่วนผู้ก่อเหตุจะสอบสวนพร้อมสหวิชาชีพ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป