กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ร่วมกันจับกุม นายวรพลฯ อายุ 34 ปี โดยกล่าวหากระทำผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนอันเป็นการกระทำเกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้เพื่อ ประโยชน์ในการชำระสินค้าค่าบริการ หรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสดหรือใช้เบิกถอน เงินสด” สถานที่จับกุม ริมถนนพุทธมณฑลสาย 4 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่งแบน จ.สมุทรสาคร

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากประมาณปี พ.ศ.2548 มีกลุ่มคนไทยร่วมกับคนจีนกระทำความผิดโดยใช้โทรศัพท์ ระบบ VOIP (Voice Over Internet Protocol) หลอกลวงผู้เสียหาย โดยกลุ่มคนร้ายจะโทรศัพท์ต้นทางมาจากเมืองกวางเจา ประเทศจีน และบางส่วนในประเทศไทย โดยเครือข่ายโทรศัพท์นี้มีศูนย์ คอลเซนเตอร์อยู่ที่ประเทศจีน หลังจากนั้นจะโทรศัพท์มายังโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้เสียหาย พูดจาหว่านล้อมจนทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปยังบัญชีกลุ่มคนร้ายที่เปิดรับไว้ ทำให้มีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 100 ล้านบาทต่อเดือน

ซึ่งคดีนี้มีความสลับซับซ้อน และเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสามารถจับกุมเครือข่ายของนายสุริยงค์ฯ กับพวกรวม 24 คน ที่จังหวัดเชียงใหม่ และมีการประสานตำรวจจากมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน เข้าตรวจค้นคอลเซ็นเตอร์ของกลุ่มคนร้ายที่เมืองฉางอัน และมีการขยายผล และจับกุมเครือข่ายรายอื่นที่อยู่ในประเทศไทย

จากการสืบสวนพบว่าผู้ต้องหาทำหน้าที่เปิดบัญชีรับเงินที่หลอกลวงมาจากผู้เสียหาย เมื่อรู้ว่าตนเอง ถูกออกหมายจับ จึงหลบหนี โดยการย้ายที่อยู่อาศัยตลอด ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง จึงยากต่อการติดตามจับกุมตัว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าติดตามแกะรอยนานกว่า 3 เดือน จนภายหลังสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด ซึ่งผู้ต้องหารายนี้หลบหนีการจับกุม เป็นเวลากว่า 14 ปี ซึ่งเหลือระยะเวลาเพียง 11 เดือน จะขาดอายุ จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เรียบเรียง ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ นครบาล