
เจอตัวแล้ว แม่เลี้ยง 9 ชีวิต ได้เงินบริจาคแล้วฟุ้งเฟ้อ ลูกสาว ใช้ชีวิตหรูหรา ใครถามด่าหมด ที่แท้ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด
เมื่อวันที่ 28 เมษายน เพจ โหนกระแส ได้โพสต์ข้อความระบุว่า เพจดังแฉ แม่เลี้ยง 9 ชีวิต ได้เงินบริจาคแล้วฟุ้งเฟ้อ แม่โต้กลับเงินทุกบาทหามาด้วยตัวเอง ชีวิตไม่เคยสบาย จากกรณีข่าวดังเมื่อช่วงเดือน ก.พ.67 มีแม่เลี้ยงเดี่ยวรายหนึ่ง อายุ 30 ปี ชีวิตน่าสงสาร เนื่องจากต้องดูแลคนในครอบครัวถึง 9 ชีวิต ประกอบด้วย ลูก 5 คน อายุ 8-15 ปี กำลังเรียนอยู่ชั้น ป.2-ม.3 โดยมีน้องสาวอีก 2 คน ซึ่งเป็นเด็กพิเศษ 1 คน และหลานชายอีก 1 คน มาขออาศัยอยู่ด้วย ภาระทั้งหมดจึงตกอยู่ที่แม่เพียงคนเดียว เพราะอีก 8 คน ไม่สามารถออกไปรับจ้างทำงานได้ เนื่องจากมีกฎหมายคุ้มครองเด็ก หลังจากข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปได้มีการเปิดรับบริจาคช่วยเหลือ ล่าสุดเพจอีซ้อขยี้ข่าว ได้ออกมาโพสต์ความคืบหน้าของครอบครัวนี้อีกมุม โดยระบุว่า
หลังข่าวออกทางครอบครัวได้รับเงินบริจาคไปอย่างท่วมท้น หลายชีวิตที่เคยอยู่กันอย่างลำบากต่างก็มีชีวิตที่ดีขึ้น โดยเฉพาะลูกสาวที่มีเงินซื้อเสื้อผ้าสวยๆ ตามสไตล์ทรงซ้อ สลัดภาพสาวซอมซ่อไม่เหมือนตอนที่เจอนักข่าว แถมมีเงินไปซื้อรถมอเตอร์ไซค์มาแต่งพาหนุ่มๆ ซ้อนท้าย ใช้ไอโฟนเครื่องละหลายหมื่น พอคนเคยเห็นจากข่าวและเคยโอนช่วยบริจาคทักถามว่าได้เงินมาเอาไปใช้ประโยชน์อะไรก็ถูกน้องเขาด่ากลับหน้าหงายมาทุกราย
ขณะที่ลูกสาวก็ได้โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้กระแสสังคมว่า อย่ามาระรานชีวิตของเธอ ถึงจะแต่งตัวเป็นลูกคุณหนู แต่ก็ใช้เงินที่หามาได้ด้วยตัวเอง ทำงานเหนื่อยก็อยากซื้อของที่ตัวเองอยากได้ คนที่ไม่ได้หาให้เธอกินอย่ามายุ่งเรื่องของเธอ ถ้าไม่หยุดกล่าวหาพล่อยๆ ให้เธอเสียหายก็พบกันที่ศาล ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ห้องแถวของแม่เลี้ยงเดี่ยวคนดังกล่าว แต่เมื่อไปถึงพบว่าทั้งหมดได้ขนของย้ายออกจากห้องพักดังกล่าวไปแล้ว สอบถามเพื่อนข้างห้องให้ข้อมูลว่า แม่เลี้ยงเดี่ยวคนดังกล่าวและลูกๆ ทั้งหมดได้ขนของย้ายออกจากห้องพักไปตั้งแต่นักข่าวลงมาช่วยเหลือและเปิดรับบริจาคให้กับครอบครัวนี้ได้ไม่ถึง 1-2 เดือน ส่วนย้ายไปอยู่ที่ไหนตนไม่ทราบ รู้เพียงว่า หนีไปทำงานแถว จ.สตูล เพื่อนบ้านยังบอกอีกว่า
หลังจากครอบครัวนี้ได้รับเงินบริจาคไปชีวิตของทุกคนในครอบครัวนี้ก็เริ่มเปลี่ยน เห็นมีการซื้อรถมอเตอร์ไซต์แต่งซิ่ง รวมถึงซื้อโทรศัพท์มือถือไอโฟนเครื่องใหม่ และใช้ชีวิตไม่ได้น่าสงสารอย่างที่เป็นข่าว แถมยังใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ได้เงินมาเท่าไหร่ก็ใช้จ่ายหมดวันต่อวัน ไม่เคยคิดจะเก็บออม และที่อ้างว่าเป็นแม่เลี่ยงเดี่ยวก็ไม่ใช่ เพราะหญิงคนดังกล่าวมีสามีและไปมาหาสู่กันตลอดแต่กลับโกหกนักข่าวให้ดูน่าสงสาร ส่วนเสื้อผ้า ชุดนักเรียน ที่คนบริจาคมาให้ พวกนี้ใส่เพียงแค่ครั้งเดียวก็ขี้เกียจซัก ตัวไหนใส่แล้วไม่ถูกใจ ก็เอาใส่ถุงดำโยนทิ้งถังขยะหน้าบ้านทันที ซึ่งตนเห็นมากับตาและรู้สึกเสียดาย แต่พูดอะไรไม่ได้
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ จ.สตูล เพื่อตามหาครอบครัวดังกล่าว จนไปพบว่าครอบครัวดังกล่าว ไปทำงานภายในโรงทำยางพาราแผ่นแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล เมื่อไปถึงพบว่า เด็กๆ ทั้งหมด กำลังทำงานกันอย่างขยันขันแข็งภายในโรงทำยางพาราแผ่นเล็กๆ โดยแม่เลี้ยงเดี่ยวคนดังกล่าวได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ตนได้ทราบเรื่องที่เกิดดรามาขึ้นในเพจเฟซบุ๊กแล้ว ยอมรับว่าตกใจมากว่า จู่ๆ พวกตนก็ถูกทัวร์ลงอย่างหนัก มีคนเข้ามาด่าในคอมเมนต์ลูกสาวกว่า 40,000 คน ซึ่งตนยืนยันว่าข้อมูลที่เพจนำไปโพสต์ไม่ใช่เรื่องจริงสักอย่าง ครอบครัวตนไม่เคยเปิดรับบริจาคเงินเลยสักครั้ง ยอมรับว่าหลังจากมีการนำเสนอข่าวไปมีคนโทรศัพท์มาเพื่อขอโอนเงินช่วยเหลือจริง โดยมีทั้งหมดสองคนเท่านั้นคือ
1. ผู้ใหญ่ใจดีเจ้าของบริษัทแห่งหนึ่ง โอนเงินช่วยเหลือจำนวน 1,000 บาทช่วยเหลือค่ากิน
และ 2. พี่ผู้หญิงทำงานอยู่ต่างประเทศ ได้โอนเงินมาช่วยเหลือค่าไฟและค่าเช่าห้องที่เคยติดค้างไว้ จำนวน 2,000 บาท รวมที่ได้เงินทั้งหมดหลังออกข่าว 3,000 บาท
นอกนั้นตนไม่เคยได้รับเงินจากส่วนอื่นอีกเลย เงินทุกบาททุกสตางค์ตนเป็นคนหามาด้วยหยาดเหงื่อ น้ำพักน้ำแรงของตัวเองทั้งนั้นเพื่อเลี้ยงลูกๆ ส่วนเรื่องรถมอเตอร์ไซต์ตนยอมรับว่าซื้อมาใช้งานจริง เพื่อพาลูกๆ ไปส่งโรงเรียน เงินที่ซื้อก็เป็นเงินจากที่ตนทำงานรับจ้างกรีดยางและรับจ้างทำแผ่นยางพารา ส่วนโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ iPhone เป็นของลูกสาว โดยลูกสาวได้เก็บเงินจากที่ช่วยตนทำงานรับจ้างทำแผ่นยางพารา ซื้อต่อมาจากรุ่นพี่ เป็นเครื่องมือ 2 ด้วยเงินจำนวน 2,000 บาท ไม่ใช่ซื้อมาด้วยเงินเป็นหมื่นๆ อย่างที่เพจไปลง ตนยืนยันอีกครั้งว่า ตนและลูกๆ ไม่ได้มีชีวิตสุขสบายอย่างที่ในเพจกล่าวหา
และทุกวันนี้ตนและลูกทั้งหมดยังต้องช่วยกันช่วยกันทำมาหากินทุกคน ถึงแม้ตนและลูกๆ จะจน แต่ไม่เคยคิดขอเปิดรับบริจาคขอเงินใคร เงินทุกบาท ตนและลูกๆ ช่วยกันหามาด้วยตัวเองทั้งนั้น วอนคนที่เข้ามาด่า ช่วยลงมาดูพวกตนทำงานบ้าง ไม่ใช่เชื่อข้อมูลจากเพจ แล้วเอามาด่าอย่างเดียว ซึ่งพวกตนก็ยอมรับที่ต้องด่ากลับ ก็เพราะโมโห พวกไม่รู้อะไรแล้วมาด่ามั่วๆ