ช็อก เปิดรถจ่อยิงเผาขน 3 นัด เสี่ยดำ ช่องจอม เจ้าของค่ายมวยดับคารถตู้ หลังพานักมวยมาชกที่บุรีรัมย์

ช็อก เปิดรถจ่อยิงเผาขน 3 นัด เสี่ยดำ ช่องจอม เจ้าของค่ายมวยดับคารถตู้ หลังพานักมวยมาชกที่บุรีรัมย์

วันที่ 22 เม.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา ที่วัดหนองเต็ง ต.หนองเต็ง อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ได้มีการจัดงานฉลองพัดยศให้กับเจ้าอาวาสวัดหนองเต็ง ซึ่งในงานมีการจัดมหรสพหลากหลาย หนึ่งในนั้นมีการจัดการแข่งขันมวยไทยด้วย

เมื่อเวลาประมาณ 04.00 น.ร.ต.อ.อิทธินันท์ บุตรสุด รอง สว.(สอบสวน) สภ.กระสัง อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งมีคนถูกยิงอยู่ในรถตู้บริเวณการจัดงานฉลองพัดยศเจ้าอาวาสวัดหนองเต็ง ต.หนองเต็ง อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ จึงประสานหน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรม จุด อ.กระสัง เข้าร่วมตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบรถตู้ยี่ห้อฮุนได สีเทา ทะเบียน 2AW- 7518 เป็นรถมาจากประเทศกัมพูชา ภายในรถฝั่งคนขับ(ด้านซ้าย)จอดห่างจากเวทีมวยประมาณ 100 เมตร พบศพชายทราบชื่อต่อมานายเปลี่ยนวิถี หรือเสี่ยดำ ต้องถือดี อายุ56ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 ม.13 ต.โชคนาสาม อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เป็นเจ้าของค่ายมวยอยู่ที่ จ.สุรินทร์ ถูกยิงด้วยกระสุนไม่ทราบขนาดบริเวณท้ายทอยและศีรษะจำนวน 2 นัด เสียชีวิตในลักษณะเอนเบาะนอน

บริเวณกระจกหน้ารถมีร่องรอยของกระสุนกระทบใส่แตก 1 จุด คาดว่าเป็นกระสุนที่ยิงพลาดไปโดนกระจก ตรวจสอบภายในรถไม่พบสิ่งผิดปกติ ส่วนเวทีมวยที่มีการจัดแข่งขันตั้งแต่ค่ำ รวมถึงมหรสพอื่นๆที่ทางวัดจัดขึ้น ได้เลิกไปหมดแล้ว

สอบถามน.ส.ดาริณี บำเพ็ญเพียร อายุ43ปี แม่ค้าที่นำของมาขายภายในงาน เล่าว่า ตนจอดรถอยู่ติดกับรถผู้ตาย เวลาประมาณ 02.00 น.ตนกลับเข้ามานอนพักอยู่ในรถ และเวลาประมาณ 04.00 น.ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 3 นัดจึงสะดุ้งตื่นมา พบมีคนกำลังแตกตื่นกัน

ซึ่งจากการสอบถามเพื่อนอีกหลายคนที่เห็นช่วงคนร้ายมายิง ทราบว่า คนร้ายเป็นชายรูปร่างท้วม สวมหมวก เดินเข้ามาที่รถของผู้เสียชีวิต แล้วเปิดประตูรถก่อนจะกระหน่ำยิง 3 นัดซ้อน

ด้านนายนรา ปราบรัมย์ อายุ47ปี โปรโมเตอร์มวยที่จัดการแข่งขันภายในงาน เล่าว่า ผู้เสียชีวิต นำมวยมาชก 2 คู่ ชกตั้งแต่เวลา 22.00 น. การจัดการแข่งขันก็เดินไปตามปกติ ไม่มีเรื่องกันระหว่างการแข่งขันชกมวย และยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับวงการมวยอย่างแน่นอน

นายนรา เล่าด้วยว่า ส่วนตัวรู้จักกับผู้ตายเมื่อประมาณ 6-7 ปี ที่บ้านเปิดเป็นค่ายมวย ลูกชายและลูกสาวของผู้เสียชีวิต เป็นนักมวยทั้ง 2 คน ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ที่ด่านช่องจอมชายแดนไทยประเทศกัมพูชา ฝั่งจังหวัดสุรินทร์ เหตุการณ์ครั้งนี้ยอมว่าไม่ทราบถึงสาเหตุเพราะงานดำเนินไปด้วยดีตลอดทั้งคืน

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัดบุรีรัมย์ รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ