จากกรณี วันที่ 5 เม.ย.2567 น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.หนองบัวลำภู คลอดลูกเองภายในห้องน้ำที่บ้านพักหลังหนึ่ง โดยไม่รู้ตัว ก่อนจะแชทบอกความจริงกับน้าชายว่า ถูกตาย่ำยีตั้งแต่ ป.4 จนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ ยายบอกว่า ไม่เคยปล่อยให้หลานอยู่ตามลำพัง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุดเมื่อเวลา 19.00 น.ของวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุวรรณคูหา ได้เชิญตัว นายยอ (นามสมมติ) อายุ 60 ปี สามีของนางไหม อายุ 65 ปี ยายของ น.ส.เอ โดยหลังจากเจ้าหน้าที่พบตัวนายยอที่ผู้เสียหายชี้ว่าเป็นผู้กระทำการล่วงเกินและเป็นพ่อของเด็กในท้องได้ที่บ้านใกล้บ้านพักที่เด็กผู้เสียหายและยายพักอาศัย

เจ้าหน้าที่จึงพูดจากล่อมให้นายยอเข้ามอบตัวเพื่อสารภาพผิด หลังจากหลบหนี เข้าป่าไปหลบซ่อนตัวกว่า 24 ชั่วโมง หลังจากทราบว่าตำรวจยังไม่ได้ออกหมายจับ จึงยอมมาพบเจ้าหน้าที่แต่โดยดี

ในที่สุด นายยอ รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า ได้กระทำการล่วงละเมิดน.ส.เอผู้เสียหายจริง และเป็นพ่อของเด็กในท้องน.ส.เอ ทั้งนี้ ได้เริ่มลงมือล่วงเกินน.ส.เอตั้งแต่อยู่ ป.4 อายุประมาณ 10 ขวบจนถึง ม.3 ปัจจุบัน รวมระยะเวลาที่ก่อเหตุมาประมาณ 6 ปี นายยอ ยอมรับสารภาพว่า เริ่มมีเพศสัมพันธ์กับน.ส.เอตั้งแต่เป็นเด็กหญิงตอนอยู่ ป.4 โดยฉวยโอกาสที่พาหลานสาวไปช่วยเลี้ยงวัวตามลำพังสองต่อสองในป่า โดยอ้างว่าหลานสาวยินยอม จากนั้นก็กระทำการล่วงละเมิดเด็กตลอดมา จนถึงปัจจุบัน

นายยอ อ้างว่า อยากมีลูกเป็นของตัวเองเนื่องจากมาอยู่กินกับนางไหมซึ่งแก่กว่าตน 5 ปี แต่นางไหมมีลูกมาแล้ว 3 คน และได้ทำหมันไปแล้ว จึงไม่สามารถมีลูกกับตนได้ ตนอยากมีลูกจึงก่อเหตุกับหลานสาวตั้งแต่เป็นเด็ก อย่างไรก็ตาม ตามที่เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังก็มีลักษณะพิรุธหลายอย่าง เช่น บอกว่าอยากได้ ลูกเป็นของตนเองเพื่อเลี้ยงดูสร้างครอบครัว แต่กลับกระทำล่วงละเมิดเด็กอายุแค่ 10 ปีซึ่งคาดว่าในขณะนั้นเด็กยังไม่มีประจำเดือน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจถามว่า ทราบหรือไม่ว่าเด็กมีประจำเดือนตั้งแต่เมื่อไหร่ นายยอก็เผลอหลุดปากบอกว่า ตนรู้ว่าหลานสาวมักจะมีรอบเดือนตั้งแต่ช่วงวันที่ 25 ของเดือนทุกเดือนตลอดมา ซึ่งอาจจะเป็นเหตุที่นายยอใช้นับระยะปลอดภัยมาตลอดระยะเวลา 6 ปี แต่อาจจะมาพลาดช่วงหลัง เนื่องจากระยะเวลารอบเดือนเปลี่ยนแปลงไม่ตรงกำหนด

ซึ่งไม่ตรงกับที่นายยออ้างว่าอยากมีลูก แต่ใช้วิธีคุมกำเนิดแบบนับระยะวันปลอดภัย ช่วงหนึ่งผู้สื่อข่าวถามเรื่องคำสั่งเสียที่นายยอบอกกับนางไหมว่า ให้เอาเงินค่าฌาปนกิจของตนไปใช้ ซึ่งเมื่อถามว่านายยอมีเจตนาจะจบชีวิตตัวเองหรือไม่ นายยออึกอักอยู่สักครู่ก็ยอมรับว่า ตนเข้าป่าหลังจากที่รู้จากภรรยาว่าทางอำเภอและตำรวจรู้เรื่องและจะเข้ามาตรวจสอบที่บ้าน คาดว่านายยอคงจะเกรงกลัวความผิดจึงหลบหนีออกจากบ้านและต้องการจะจบชีวิตเพื่อหนีความผิด จึงเอ่ยปากยกเงินค่าฌาปนกิจที่จะได้รับให้ภรรยา

เมื่อพูดถึงตอนนี้ท่าทีของนายยอมีอาการผิดปกติ และยอมรับว่า ตนวางแผนจะจบชีวิตจริง ๆ แถมยังเปิดเสื้อขึ้นต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชนจนเห็นเชือกไนลอนสีเขียวพันอยู่รอบเอวของนายยอ สร้างความตกตะลึงให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะนึกไม่ถึงว่านายยอจะพกเชือกติดตัวเตรียมผูกคอ ภายหลังนายยอบอกว่า ตนห่วงลูกถึงไม่คิดสั้นอีกแล้ว ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้เก็บเชือกไนลอนเส้นดังกล่าวออกไปและพูดจากล่อมจิตใจให้นายยอสงบ จากการสังเกตคาดว่านายยอน่าจะมีปฏิกิริยาผิดปกติจากสิ่งเสพติด

ซึ่งทราบจากภรรยาว่า นายยอต้องเสพกัญชาทุกวัน แม้จะบอกว่าไม่ติดก็ตาม ภายหลังเกี่ยวเนื่องที่ได้อ่านบันทึกการให้ปากคำรับสารภาพให้นายยอฟัง นายยอก็ยินยอมลงชื่อตามบันทึกโดยดี หลังรับแจ้งว่าวันที่ 5 เม.ย.นี้ ทางเจ้าหน้าที่จะส่งตัวนายยอไปฝากขัง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งข้อหากระทำการลามกอนาจารกับเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี และข่ ม (ขื น)กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ส่วนข้อหาอื่นใดถ้าสอบสวนพบก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม เพราะจากข้อความแชทที่น.ส.เอบอกกับน้าชาย ซึ่งกำชับน้าชายว่าอย่าบอกใครว่าตนเป็นคนบอกเพราะกลัว ทางเจ้าหน้าที่จะสอบสวนประเด็นนี้อีกครั้งหนึ่งว่าได้มีการขู่หรือทำสิ่งใดให้เด็กกลัวหรือไม่