ร้องทนายแสบ ปลอมและใช้เอกสารที่ดินปลอมแสดงต่อศาลจนแพ้คดี อีกรายโดนหลอกเงินว่าความคดี สูญเงิน 1 ล้าน

ร้องทนายแสบ ปลอมและใช้เอกสารที่ดินปลอมแสดงต่อศาลจนแพ้คดี อีกรายโดนหลอกเงินว่าความคดี สูญเงิน 1 ล้าน

วันที่ 4 เม.ย 67 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จตุจักร กทม. จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ พร้อมทนายเจส นายณัฐปกรณ์ สุดชา และ นายภักดิพงษ์ ทองใบ ทนายความ พาผู้เสียหาย 2 ราย เข้าพบ พ.ต.ท.ศราวุธ ไชยรัตน์ รอง.ผกก. สอบสวน.5 บก.ป.

รายแรก นายเชิด งานดี อายุ 62 ปี เกษตรกรชาวกระบี่ เข้าแจ้งความและร้องเรียนขอความเป็นธรรมตำรวจสอบสวนกลาง กรณีที่นายเชิด โดนญาติซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้อง ฟ้องและแจ้งความคดีทั้งแพ่งและอาญา โดยคู่กรณีได้ใช้ทนายความรายหนึ่ง ที่มีชื่อเสียงในจังหวัดกระบี่ ซึ่งอ้างว่ารู้จักตำรวจและอัยการในพื้นที่ และใช้เอกสารราชการปลอมเป็นหลักฐานสำคัญในคดี จนเป็นเหตุให้ถูกฟ้องขับไล่จากที่ดินที่ทำประโยชน์มากกว่า 200 ไร่ อีกทั้งลูกพี่ลูกน้องยังไปแจ้งความในข้อหาลักทรัพย์ จากการที่นายเชิด งานดี เข้าไปตัดผลปาล์ม อีกทั้งยังใช้เอกสารราชการปลอมนี้เบิกความและเป็นพยานในศาล จนทำให้ผู้เสียหายแพ้คดี

นายเชิด กล่าวว่า ที่ดินกว่า 200 ไร่ ตรงนั้น เมื่อปี 2542 เคยเป็นของป้านายเชิด ซึ่งตนอาศัยที่ดินตรงนั้นใช้ทำมาหากินมาโดยตลอด ซึ่งหลังจากป้า นายเชิดเสียชีวิต คู่กรณีเขาพยายามที่จะยึดที่ดินคืนจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ไม่เคยเข้ามาเหยียบที่ดินเลย จนกระทั่งตนโดนคู่กรณีฟ้องเมื่อปี 2563 คดีแพ่งและอาญา คดีแพ่งว่าด้วย ขับไล่ ละเมิดที่ดิน ส่วนคดีอาญาว่าด้วย ลักทรัพย์ ขโมยผลปาล์มน้ำมัน ตนถูกฟ้องศาลจังหวัดกระบี่ ชั้นต้นตัดสินจำคุก 4 ปี ชั้นอุทธรณ์ ยืนตามศาลชั้นต้น

เมื่อเปลี่ยนเป็น ทนายภักดิพงษ์ มาว่าความแทนคนเก่าก็ไปตรวจพบว่า ทนายฝั่งตรงข้ามมีการปลอมและใช้เอกสารปลอม เป็นหนังสือ กสน.5 (หนังสือแสดงการทำประโยชน์)ไปแสดงต่อศาล จนเป็นเหตุให้ตนแพ้คดีทั้งสองศาล ถูกศาลจังหวัดกระบี่ ตัดสินให้รับโทษทางอาญาจำคุก 4 ปี

ผู้เสียหายรายที่สอง นางพลอยณภัทร (สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี เปิดเผยว่า ตนมาแจ้งความทนายมีชื่อเสียงในกระบี่คนเดียวกัน เนื่องจาก เมื่อ ส.ค.65 ตนมีเรื่องฟ้องร้องกับสามี 8 คดี เพื่อนซึ่งมีสามีเป็นทนายความแนะนำให้ช่วยคดี ซึ่งทนายคนนี้เป็นทนายที่มีชื่อเสียงจังหวัดกระบี่ คนเดียวกับรายแรกโดนที่มีการปลอมและใช้เอกสารปลอมไปเบิกความศาล รับว่าความให้โดยการเรียกค่าใช้จ่ายทั้งหมดจำนวนหนึ่งล้านบาทในการทำคดีโดยการใช้เงินจำนวนหนึ่งล้านบาท ตนจึงได้ไปกู้หนี้ยืมสิน เพื่อเอามาให้ทนายคนดังกล่าว โดยทนายดังกล่าวได้บอกกับตนว่าจะนำเงินที่ตนเอามาให้ไปดำเนินการทางคดีให้ โดยไม่ต้องไปไปขึ้นศาลแต่อย่างใด

ต่อมา เมื่อ สิงหาคม 66 มีหมายศาลมาเรียกให้ตนไปเป็นจำเลยในคดีที่อดีตสามีฟ้องตน จึงไปสอบถามทนายคนดังกล่าว เรื่องเงินที่นำไปดำเนินการทางคดี แต่ทนายคนดังกล่าวกลับไม่ยอมคืนเงินตน จึงไปแจ้งความ สภ.เมืองกระบี่ว่าทนายคนดังกล่าวฉ้อโกง ตำรวจออกหมายเรียกทนายมา 1 ครั้งทนายก็ไม่ไปพบพนักงานสอบสวนเพราะอ้างว่ารู้จักผู้ใหญ่เยอะ เคยลงสมัคร สส.แต่สอบตก ตนจึงได้มาร้อง จ่าคิงส์ จึงได้ทราบว่า ทนายคนดังกล่าวคือ คนเดียวกับที่ปลอมแปลงเอกสาร ที่ดิน นายเชิด และตำรวจออกหมายเรียกไปสอบปากคำ ทนายคนดังกล่าวก็ไม่ไป

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนรับแจ่งความไว้ เพื่อดำเนินการทางตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ