สิงคโปร์ยึดอันดับ 1 ประเทศที่มีความสุขที่สุดในเอเชีย เช็กอันดับของ ไทย

สิงคโปร์ยึดอันดับ 1 ประเทศที่มีความสุขที่สุดในเอเชีย เช็กอันดับของ ไทย

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ของทุกๆปีเป็น วันความสุขสากล (International Day of Happiness) ทางเครือข่ายวิชาการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Solutions Network : SDSN) ได้ร่วมมือกับภาคีเครือข่าย ได้เผยแพร่ รายงานความสุขโลกประจำปี 2567 หรือ หรือ World Happiness Report 2024

การจัดอันดับในครั้งนี้ใช้การสำรวจที่น่าเชื่อถือที่สุดจาก Gallup World Poll ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูลระดับโลก โดยได้ทำการสำรวจและประเมินระดับความสุขจากผู้คนกว่า 140 ประเทศ ซึ่งผลการจัดอันดับได้ใช้ข้อมูลค่าเฉลี่ยจากการสำรวจระดับโลกช่วงปี 2564 – 2566 และเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องของจากจำนวนตัวอย่างประชากรตลอดช่วง 3 ปี ในระดับคะแนนจาก 0 ถึง 10 ผ่านการสำรวจและให้คะแนนผ่านปัจจัยสำคัญ 6 ประการ ได้แก่ (1) การสนับสนุนทางสังคม (2) อายุขัยคาดเฉลี่ย (3) เสรีภาพในการเลือกในชีวิต (4) ความเอื้ออาทร (5) ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศต่อหัว (GDP Per Capita) และ (6) การรับรู้การทุจริต

รายงานผลการจัดอันดับประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก โดยใช้ข้อมูลค่าเฉลี่ยจากการประเมินระดับโลกในช่วงปี 2564 – 2566 ซึ่งผลปีนี้ ประเทศฟินแลนด์ ยังคงครองอันดับที่ 1 ประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในโลกต่อเนื่อง 7 ปีซ้อน ขณะที่ ประเทศไทย ได้ขยับขึ้นมาสองอันดับจากเดิมอยู่ในอันดับที่ 60 ในปีที่แล้ว เป็นอันดับที่ 58 ในปีนี้

สำหรับการจัดอันดับปี 2567 ประเทศฟินแลนด์ ยังคงครองอันดับที่ 1 ประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลกซึ่งได้รับการจัดอันดับต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 โดยได้คะแนนสูงสุดที่ 7.741 จากคะแนนเต็ม 10 ตามมาด้วย อันดับที่ 2 เดนมาร์ก อันดับที่ 3 ไอซ์แลนด์ และอันดับที่ 4 สวีเดน โดยขยับขึ้นจากปีที่แล้วที่อยู่ในอันดับที่ 6 และตามมาด้วยอันดับที่ 5 อิสราเอล ซึ่งตกลงมาหนึ่งอันดับจากปีที่แล้ว โดยผลการจัดอันดับในปีนี้ ประเทศในกลุ่มนอร์ดิกยังคงติดอยู่ใน 10 อันดับต้น ๆ อย่างไรก็ดี การที่อิสราเอลติดอันดับ 5 อาจสร้างความประหลาดใจท่ามกลางสงครามกับกลุ่มฮามาส ซึ่งการจัดอันดับนั้นถูกอ้างอิงตามค่าเฉลี่ยช่วงสามปี ก่อนเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้น

ส่วนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศสิงคโปร์ได้อันดับดีที่สุดในภูมิภาคนี้ อยู่ที่อันดับ 30 ของโลก ด้วยคะแนน 6.523 คะแนน ซึ่งตกอันดับจากปีที่แล้วมา 5 อันดับ ขณะที่ ประเทศไทยได้คะแนนอยู่ที่ 5.976 คะแนน โดยจากปัจจัยสำคัญ 6 ประการ มีคะแนนมุมมองแต่ละด้าน ดังนี้ มุมมองต่อการทุจริตอยู่ที่ 0.024 เป็นคะแนนที่ต่ำที่สุดจากทุกด้าน ส่วนคะแนนด้านเสรีภาพที่ 0.756 คะแนน มุมมองต่อการสนับสนุนทางสังคม 1.347 คะแนน (เพิ่ม) อายุขัยคาดเฉลี่ย 1.463 คะแนน ความเอื้ออาทร 0.283 คะแนน และ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศต่อหัว (GDP Per Capita) 1.484 คะแนน

ขณะที่ 5 อันดับประเทศที่มีความสุขรั้งท้ายสุดของตาราง ได้แก่ อัฟกานิสถาน (อันดับที่ 143) เป็นอันดับสุดท้าย เลบานอน (อันดับที่ 142) เลโซโท (อันดับที่ 141) สาธารณรัฐเซียร์ราลีโอน (อันดับที่ 140) และสาธารณรัฐคองโก (อันดับที่ 139) แต่ที่น่าแปลกใจสำหรับปีนี้ คือสหรัฐอเมริกา หลุดจากยี่สิบอันดับแรกของประเทศที่มีความสุขที่สุด ซึ่งจากการสำรวจพบว่าในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา คะแนนความสุขของผู้ที่อายุน้อยกว่า 30 ปี ต่ำกว่าคะแนนความสุขของผู้ที่อายุ 60 ปีขึ้นไป รวมถึงประเทศอื่น ๆ มีผลคะแนนประเมินความสุขที่ไต่อันดับเพิ่มขึ้นมา

อย่างไรก็ดี แต่ละช่วงวัยมีความพึงพอใจในการดำรงชีวิตที่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณาถึงอายุและสถานการณ์ในชีวิตพบว่าผู้ที่เกิดก่อนปี 2508 รุ่น Boomers มีการประเมินชีวิตสูงกว่าผู้ที่เกิดหลังปี 2523 รุ่น Millennials และ Gen Z ประมาณหนึ่งในสี่จุดจากการประเมิน อันเป็นผลมาจากวิกฤตที่เกิดขึ้นเช่นจากโรคระบาด สงคราม และความไม่เท่าเทียมของช่องว่างระหว่างเพศที่เกิดขึ้น

ข้อมูล sdgmove

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ