ราชสีห์แห่งขุนเขา บ้านห้วยน้ำขุ่น ชุมชน ตัวอย่าง ตลอด 7 ปี ไม่มีปัญหาไฟป่า

ราชสีห์แห่งขุนเขา บ้านห้วยน้ำขุ่น ชุมชน ตัวอย่าง ตลอด 7 ปี ไม่มีปัญหาไฟป่า

วันที่ 12 มี.ค 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานการณ์ปัจจุบันประเทศไทยโดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือตอนบนกำลังประสบปัญหาไฟป่าซึ่งจ.เชียงรายก็เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาไฟป่าทั้งที่ชาวบ้านในพื้นที่จุดเองเพื่อล่าสัตว์หรือกำจัดวัชพืชหรือไฟป่าจากพื้นที่รอบข้างทั้งในและนอกประเทศสร้างปัญหาหมอกควันพิษPM2.5 ตามมาจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกันหาทางออกทั้งการป้องกันและแก้ไขปัญหา และที่จ.เชียงรายยังมีอีกหนึ่งชุมชนตัวอย่างที่มีความเข้มแข็งในการป้องกันปัญหาไฟป่านั่นก็คือชุมชน บ้านห้วยน้ำขุ่น ม.16ต.ท่าก๊ออ.แม่สรวยจ.เชียงรายที่ชุมชนแห่งนี้มีผลการปฏิบัติเชิงประจักษ์เพราะไม่เกิดไฟป่าในช่วงห้ามเผาตามประกาศของจ.เชียงรายตลอดระยะเวลา 7 ปี ต่อเนื่องด้วยความเข้มแข็งของผู้นำและชาวบ้านในชุมชนจนส่งผลให้ผู้ใหญ่บ้านได้รับรางวัลแหนบทองในปี2566 ที่ผ่านมา

นายดีมาดำรงชัยวิชิตอายุ46ปีผู้ใหญ่บ้านห้วยน้ำขุ่นเผยว่าบ้านห้วยน้ำขุ่นเป็นชุมชนบนดอยสูงเหนือระดับน้ำทะเล1100ม.ประกอบด้วยประชากรชาติพันธุ์ที่หลากหลายทั้งอาข่าอีก้อกะเหรี่ยงลาหู่ลีซูจีนยูนนานและเป็นชุมชนเดียวของประเทศไทยที่มีชาวเขาชาติพันธุ์ อาเข่อ อยู่อาศัยประมาณ 300 คนรวมๆแล้วมีประชากรรวมประมาณ 2,000 คน 384 ครัวเรือนโดยชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรมปลูกพืชเศรษฐกิจหมุนเวียนตลอดทั้งปีได้แก่ชากาแฟบ๊วยพลับลูกไหนอะโวคาโดสตรอเบอรี่และแมคคาเดเมีย

ผญบ.บ้านห้วยน้ำขุ่นกล่าวเพิ่มเติมว่า ชุมชนบ้านห้วยน้ำขุ่นได้มีข้อตกลงร่วมกันที่จะช่วยกันรักษาป่าในพื้นที่รับผิดชอบซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 15,000 ไร่โดยตนได้ไปขอความร่วมมือจากชาวบ้านให้ช่วยกันลาดตระเวนไม่ให้เกิดไฟป่าเพราะหากเกิดไฟป่าลุกลามเข้าพื้นที่ไร่สวนของใครมันใช้เวลาเผาไหม้เพียงไม่นานไร่สวนจะเสียหายทั้งหมดแต่การจะฟื้นฟูให้กลับมาเหมือนเดิมต้องใช้เวลานานหลายปีและทางชุมชนจะมีการกำหนดโทษสำหรับคนที่เผาป่าในช่วงห้ามเผาจะถูกปรับเงิน 100,000 บาท และดำเนินคดีถึงที่สุดส่วนคนที่ชี้เบาะแสนำไปสู่คนเผาป่าจะได้รางวัลนำจับซึ่งปกติทางผวจ.เชียงรายจะให้รางวัลคนชี้เบาะแส5,000 บาท แต่ตนจะเพิ่มให้อีก 15,000 บาท รวมเป็น 20,000 บาท

นายดีมาเผยอีกว่าทางชุมชนจึงมีการจัดกำลังอาสาเฝ้าระวังไฟป่าปัจจุบันมีสมาชิกประมาณ50คนทำหน้าที่สลับสับเปลี่ยนกันออกลาดตระเวนป้องกันไฟป่าโดยจะจัดชุดลาดตระเวนทั้งกลางวันและกลางคืนชุดละไม่ต่ำกว่า5คนซึ่งในส่วนของงบประมาณในการจัดการตนเป็นผู้รับผิดชอบจัดหาทั้งเงินค่าตอบแทนประจำตำแหน่งของตนเองเงินสนับสนุนจากชาวบ้านในชุมชนหรือไปขอรับการสนับสนุนจากหัวหน้าป่าไม้ในพื้นที่อ.เวียงป่าเป้าเพราะพื้นที่ป่าของหมู่บ้านตนจะคาบเกี่ยวไปถึงอ.เวียงป่าเป้าก็ได้รับงบสนับสนุนจากตรงนั้นมาช่วยบ้างแต่ไม่เคยมีงบสนับสนุนด้านจัดการไฟป่าในพื้นที่มาช่วยสนับสนุนแต่อย่างไดซึ่งรายจ่ายในการออกมาลาดตระเวนแต่ละครั้งก็จะมีทั้งค่าน้ำมันค่าอาหารเครื่องดื่มหรือคนที่มีช่วยงานบ่อยๆตนก็จะควักจ่ายช่วยเป็นรายได้ให้บ้างเพราะเขามีลูกเมียต้องรับผิดชอบโดยรายจ่ายในช่วงกลางวันจะตกประมาณ 2,000 บาท และช่วงกลางคืนประมาณ 1,000 บาท โดยอาหารก็แล้วแต่ว่าคนทำงานอยากทานอะไรตนก็จะรับหน้าที่จัดหาวัสดุดิบไปให้ซึ่งก็จะเป็นอาหารง่ายๆเช่นหมูย่างหลามหมูหรือลาบเป็นต้นรวมค่าใช้จ่ายประมาณ 3,000 บาท ต่อวันเดือนๆหนึ่งทางชุมชนต้องมีรายจ่ายในการลาดตระเวนเฝ้าระวังไฟป่าเป็นเงินหลายหมื่นบาท

การลาดตระเวนในพื้นที่ป่าของชุมชนบ้านห้วยน้ำขุ่นอ.แม่สรวยจำเป็นจะต้องใช้รถมอเตอร์ไซค์วิบากหรือรถมอเตอร์ไซค์ที่แรงเครื่องดีเพราะพื้นที่ป่าล้วนเป็นพื้นที่ป่าที่มีภูเขาสูงชันซึ่งวันที่ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปด้วยก็เกิดเหตุไม่คาดคิดเพราะรถของหนึ่งในชาวบ้านที่ร่วมลาดตระเวณเกิดโซ่ขาดกลางภูเขาแต่โชคดีที่มีช่างซ่อมรถขึ้นไปด้วยก็เลยได้รับการซ่อมแซมและขับขี่ได้ตามปกติและสำหรับอาหารที่ทำกินในมื้อกลางวันทางผู้ใหญ่บ้านได้เตรียมเนื้อหมูพร้อมเครื่องปรุงมาก่อไฟทำกันสดๆในกลางสวนป่าโดยก่อนและหลังทำอาหารต้องมีการเคลียร์พื้นที่ไม่ให้ไฟลุกลามทุกครั้งและผู้สื่อข่าวจึงได้มีโอกาสได้กินอาหารเมนูเด็ดของชาวเขาเผาอาเค๊อะจากชุดลาดตระเวณป่าในวันนี้ก็คือ หมูสามชั้นย่าง และ หลามหมู ซึ่งเป็นเมนูแปลกเป็นเอกลักษณ์ของชนเผ่า อาเค๊อะ บนดอยสูงด้วย

การนำไม้ไผ่นำมาเป็นอุปกรณ์แทนหม้อแล้วนำไปเผาเหมือนเผาข้าวหลามโดยชาวบ้านจะใช้ไม้ไผ่ในป่ามาแทนหม้อหรือถ้วยชามและทำตะเกียบด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ต้องขนเครื่องครัวติดไปให้หนักรถและรสชาติอาหารที่ได้ทานกันในป่าก็อร่อยสุดยอดอย่าบอกใครและหลังจากทานอาหารกันอิ่มและพักผ่อนกันชั่วครู่ผู้ใหญ่บ้านก็พาชาวบ้านเดินลาดตระเวนบริเวณใกล้เคียงเพื่อย่อยอาหารก่อนจะขับรถออกลาดตระเวนต่อโดยการลาดตระเวนจะวิ่งเป็นแนววงกลมรอบพื้นที่ป่าด้วยระยะทางกว่า 60 กม.ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบและวกกลับเข้าหมู่บ้านเพื่อรอสับเปลี่ยนชุดใหม่ที่ผลัดกันลาดตระเวนทำแบบนี้ทุกวันจนกว่าจะหมดกำหนดการห้ามเผาซึ่งปีนี้ทาง จ.เชียงรายประกาศวันห้ามผาตั้งแต่ 15 ก.พ. ไปจนถึง 30 เม.ย.67 เป็นระยะเวลา 76 วัน

ปัญหาไฟป่าถือเป็นวาระแห่งชาติที่ทางรัฐบาลหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องควรจะให้ความสำคัญและจัดสรรเงินงบประมาณมาช่วยสนับสนุนการทำงานเฝ้าระวังไฟป่าของชุมชนต่างๆเพราะมีหลายชุมชนที่ไม่มีงบประมาณมาคอยบริหารจัดการกับปัญหาตรงจุดนี้โดยค่าใช้จ่ายในการเฝ้าระวังจำเป็นต้องใช้หลายหมื่นบาทต่อเดือนก็อยากให้มีการสนับสนุนจากภาครัฐบ้างอย่าปล่อยให้เป็นภาระของชุมชนเพียงอย่างเดียว นายดีมาดำรงชัยวิชิตผญบ.บ้านห้วยน้ำขุ่นกล่าว

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ