เด็ก 1 ขวบกรี๊ดเสียงดังในร้านอาหาร หนุ่มรำคาญชี้หน้าด่าหยาบคาย ไล่ออกนอกร้าน

เด็ก 1 ขวบกรี๊ดเสียงดังในร้านอาหาร หนุ่มรำคาญชี้หน้าด่าหยาบคาย ไล่ออกนอกร้าน

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์คลิปพร้อมระบุข้อความว่า วันนี้เวลา 12:30 น. ผักบุ้ง เจวา พี่วิว ไปทานข้าวที่ร้านกินเส้น ตรงข้ามกับกองสลากสนามบินน้ำ มีโต๊ะเราโต๊ะเดียว ต่อมามีคุณลุงและสามาชิกเข้ามาในร้านซึ่งมานั่งคุยงานกัน ต่อมาเจวากรี๊ด 1 ครั้ง เขาอยากเล่นปากกากับดินสอ คุณลุงก็ตะโกนบอกโต๊ะเราว่า ช่วยเงียบๆหน่อยได้ไหมคุยงานอยู่ พี่วิวได้ขอโทษไปค่ะ ต่อมาเจวากรี๊ดครั้งที่ 2 คุณลุงตะคอกมาใส่เลยว่า ช่วยเอามันออกไปข้างนอกหน่อย จะเอามันออกไปเองหรือให้_เอามันออกไป ช่วยเงียบๆหน่อยได้ไหม คุยงานอยู่ (พูดเสียงดังด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดไม่พอใจอย่างมาก) พี่วิวไม่พอใจมากที่มีคนจากที่ไหนไม่รู้มาว่าเจวาแบบนี้ พี่วิวตบโต๊ะ 1 ครั้งและถามว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า คุณลุงก็ด่า ไอ้เหี้_ไอ้สัตว์ ไอ้เด็กเมื่อวานซืน บลาๆ

และพูดจาข่มขู่ว่า มึงไม่รู้หรอว่ากูเป็นใคร พวกมึงกล้ามีเรื่องกับทหารหรอ กูไม่เอาพวกมึงไว้แน่ กูจะจัดการให้หมด บลาๆๆ พี่เจ้าของร้านเข้ามาระงับเหตุ คุณลุงก็ด่ากราดพี่เจ้าของร้าน เจ้าของร้านจึงเชิญคุณลุงออกไปจากร้าน และ ไม่อนุญาตให้มาคุยงานอะไรในร้านเพราะเป็นร้านอาหารมีไว้ทานข้าว ก็มีคนมาห้ามซึ่งเป็นพนักงานในร้าน คุณลุงได้ผลักอกพี่พนักงานในร้านไป 1 ครั้งก่อนจะขับรถออกไปค่ะ ในเหตุการณ์วันนี้เป็นเหตุการณ์ที่ยาวกว่าในคลิป เพราะผักบุ้งเองไม่กล้าถ่ายกลัวจะโดนทำร้ายเพราะดูจากสถานะอารมณ์ลุงในตอนนั้น เราคาดเดาไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

และผักบุ้งก็อุ้มเจวามาหลบในมุมที่ปลอดภัยด้วยค่ะ พร้อมกับโทรแจ้ง 191 ให้มาระงับเหตุ เราไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่หยาบคายมาก กร่างมาก ไม่กลัวใคร ข่มขู่และด่าทุกคนในร้าน รวมทั้งพี่เจ้าของร้านด้วย เรารู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยของตัวเองและครอบครัว เพราะมีลูกอ่อนด้วย กลัวได้รับอันตรายค่ะ #ลูกเราไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคนแต่ครั้งนี้มันมากเกินไป #ด่าได้แม้กระทั่งเด็กหนึ่งขวบจิตใจทำด้วยอะไรคะ

ล่าสุด เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 8 มี.ค. 67 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณคอนโดแห่งหนึ่ง ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี เพื่อสอบถามกรณีดังกล่าว กับน.ส.อนุสรา หรือคุณผักบุ้ง อายุ 34 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว แม่ของน้องเจวา อายุ 1 ขวบ 5 เดือน (เด็กผู้ชาย) โดยให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวานนี้ตนกับครอบครัวไปทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้านแห่งหนึ่งย่านสนามบินน้ำ สักพักมีคู่กรณีเข้ามาที่ร้านนั่งคุยงานกันอยู่ประมาณ 3-4 คน ซึ่งตนก็ไม่ได้สนใจอะไร จากนั้นน้องเจวากรี๊ด 1 ครั้ง เพราะจะเอาปากกา คู่กรณีจึงหันมาบอกว่า ให้ช่วยเงียบๆหน่อย พอดีคุยงานอยู่ ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดี ตนก็ไม่โอเคแต่ไม่อยากมีเรื่องจึงรีบใส่รองเท้าให้น้องเจวา เพราะจะให้สามีพาน้องออกไปข้างนอก ระหว่างนั้นน้องเจวาได้กรี๊ดอีกครั้ง

ทำให้คู่กรณีไม่พอใจและหันมาพูดว่า จะเอามันออกไปเอง หรือจะให้ผมเอามันออกไป ด้วยน้ำเสียงไม่ดีและดูกร่างมาก สามีของตนจึงตบโต๊ะ เพราะก็ไม่พอใจที่มาตะคอกใส่เด็ก ตนจึงอุ้มน้องเจวาออกมาจากโต๊ะ หลังจากนั้นสามีของตนและคู่กรณีจึงปะทะคารมกัน โดยคู่กรณีด่าครอบครัวตนด้วยถ้อยคำหยาบคาย และพูดว่า มึงกล้ามีเรื่องกับทหารหรอ? ซึ่งประโยคนี้มันทำให้ตนรู้สึกว่าทำไมต้องมากร่าง ใช้ยศ ใช้อำนาจ ใช้บารมีกับประชาชน มาคุยงานในร้านอาหารมันก็ไม่ใช่ ร้านอาหารใครก็เข้ามากินได้ มีสิทธิ์อะไรมาสั่งห้ามคนอื่น หากต้องการความเป็นส่วนตัวแนะนำที่บ้าน หลังจากนั้นตนเห็นท่าไม่ดีและห่วงความปลอดภัย จึงถ่ายคลิปและโทรแจ้งตำรวจ

โดยทั้งคู่ยังทะเลาะกันอยู่ เจ้าของร้านก็เข้ามาห้าม แต่คู่กรณีก็ไม่หยุดและด่ากราดรวมถึงด่าเจ้าของร้านด้วย และผลักอกพนักงาน เจ้าของร้านจึงเชิญออกจากร้าน ระหว่างที่ทะเลาะกันคู่กรณีได้ข่มขู่ว่าไม่ยอมและจะเอาเรื่องครอบครัวเราให้ถึงที่สุด ซึ่งน้องเจวามีอาการสั่นและร้องไห้ตลอด ตนก็เป็นห่วงทั้งสามีและลูก ตนรู้สึกกลัวมาก ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ตนไม่รู้ว่าคู่กรณีเป็นใครและสามารถทำอะไรกับครอบครัวของตนได้บ้าง ซึ่งตนก็กลัวและห่วงเรื่องความปลอดภัยเพราะปกติจะอยู่กับลูกแค่ 2 คน เนื่องจากสามีทำงานต่างจังหวัด ตอนนี้ตนได้ไปแจ้งความที่สภ.รัตนาธิเบศร์ ยืนยันวันที่เกิดเหตุน้องเจวาไม่ได้กรี๊ดหรือโยนข้าวของมากมาย ตนพยายามควบคุมน้องตลอด ไม่ให้สร้างความรำคาญต่อลูกค้าท่านอื่น ปกติครอบครัวตนทานอาหารนอกบ้านตลอด ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ซักครั้ง

น.ส.อนุสรา หรือคุณผักบุ้ง กล่าวต่ออีกว่า หลังจากลงคลิปในโซเชี่ยลก็มีความคิดเห็น 2 ด้าน ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ส่วนตัวหากมีเด็กมากรี๊ดเสียงดังตนก็รำคาญ แต่คนเป็นพ่อแม่ก็คงไม่มีความสุขที่เป็นแบบนั้น สำหรับเรื่องที่ตนไปแจ้งความตอนนี้ต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายเรียกคู่กรณีมาพูดคุยกัน ตนไม่ได้อยากมีเรื่องแต่ที่ต้องแจ้งความเพราะห่วงความปลอดภัย ตอนนี้ก็สบายใจขึ้นแต่ไม่ได้วางใจ สำหรับน้องเจวาตนยังพาออกไปทานข้าวนอกบ้านเหมือนเดิม

หากน้องกรี๊ดหรือร้องไห้โวยวายยินดีพาน้องกลับบ้านทันที ตนอยากฝากถึงคู่กรณี อยากขอโทษถ้าเหตุการณ์เมื่อวานนี้ทำให้รำคาญใจ แต่อยากให้ใจเย็นๆและเห็นอกเห็นใจคนอื่น ตนและครอบครัวมีความรับผิดชอบต่อสังคมมากพอ เรามั่นใจว่าเราเซฟลูกทุกอย่างเพราะรู้ว่าลูกเราไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่งที่เกิดเหตุ ตั้งอยู่ย่านสนามบินน้ำ พบว่าร้านปิดให้บริการตั้งแต่ 16.00 น. แล้ว

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ