บุกโรงงานบำบัดกากอุตสาหกรรมเถื่อน สร้างความเดือดร้อนให้พื้นที่รอบข้าง

บุกโรงงานบำบัดกากอุตสาหกรรมเถื่อน สร้างความเดือดร้อนให้พื้นที่รอบข้าง

กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวอาชญากรรมทางทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมตำรวจ บก.ปทส. สถานที่เกิดเหตุ/ตรวจยึด บ้านแห่งหนึ่งใน ม.13 ต.หัวโพธิ์ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี พฤติการณ์ ด้วยเมื่อช่วงปี พ.ศ. 256๒ กรมควบคุมมลพิษ ได้ฟ้องร้องโรงงานแห่งหนึ่งใน จ.ฉะเชิงเทรา

เนื่องจากได้มีการลักลอบปล่อยสารปนเปื้อนแพร่กระจายลงสู่ชั้นดิน จนเป็นเหตุให้ อ่างเก็บน้ำลุ่มน้ำโจนปนเปื้อนด้วยโลหะหนักหลายชนิด สร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมและส่งผลกระทบต่อประชาชนทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากอ่างเก็บน้ำได้ ซึ่งภายหลังได้มีการสั่งปรับปรุงโรงงานเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน โดยกรมควบคุมมลพิษ ได้ฟ้องร้องค่าเสียหายทางแพ่งต่อโรงงานนี้กว่า 1800 ล้านบาท

ต่อมาในปลายปี พ.ศ. 2566 เจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านว่า โรงงานแห่งเดียวกันนี้ ส่งกลิ่นเหม็น สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการสืบสวน จนพบความผิดปกติของการส่งกากของเสียจากกระบวนการอุตสาหกรรมไปยังโรงงานบำบัด ซึ่งโรงงานดังกล่าวได้มีการลักลอบขนกากของเสียอุตสาหกรรมไปยังโรงงานเถื่อนในพื้นที่ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปทส., เจ้าหน้าที่กรมโรงงาน และเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ จึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐาน และขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อเข้าตรวจค้นโรงงานเถื่อนในพื้นที่ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี และต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำหมายค้นไปตรวจค้นที่ ม.13 ต.หัวโพธิ์ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ผลการตรวจค้นพบ นายบุญเลิศฯ ได้ประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ถูกหลักเกณฑ์การบำบัด สถานที่ไม่เหมาะสม ซึ่งจะส่งผลเสียต่อมลพิษด้านต่างๆ ในอนาคต ทำให้น้ำและดินในทุ่งนา หรือ แหล่งน้ำธรรมชาติปนเปื้อน รวมทั้งส่งกลิ่นเหม็นทางอากาศ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจัดเก็บตัวอย่างของเหลวภายในที่ดินจำนวน 17 จุด และได้จัดเก็บของเสียทั้งในและนอกโรงงานของนายบุญเลิศฯ เพื่อนำไปตรวจสอบเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังได้ตรวจยึดเอกสาร กอ.2 (ตามประกาศ อก. ปี 2566 เรื่อง การจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน) เพื่อเป็นพยานหลักฐานในการดำเนินในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งภายหลังจากเสร็จสิ้นการตรวจค้น เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำไปพิจารณาดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อผู้กระทำความผิดกับพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปทส. ต่อไป

ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐาน กักเก็บสารเคมีอันตราย ขนย้ายสารเคมีอันตราย และประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ความผิดเกี่ยวกับมลพิษ

จากการสอบถาม นายบุญเลิศฯ ให้การยอมรับว่า ได้รับซื้อน้ำเฟอร์ริคลอไรซ์ จากโรงงานใน จ.ฉะเชิงเทรา ข้างต้น โดยซื้อเที่ยวละ 11,000 บาท หลังจากนั้นจะนำมาแยกสารเป็นทองแดง ขาย กก.ละ 150 บาท และหลังจากนั้นจะนำไปขายต่อให้คนจีนต่อไป

ทีมข่าวสยามนิวส์ นครบาล

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ