วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงานว่า รศ.(พิเศษ)ดร.วิระศักดิ์ ฮาดดา นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากกรณีที่ สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศประเทศไทย สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย และ สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย ได้เดินทางเข้านายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อยื่นหนังสือเสนอยกเลิกหนังสือ คสช.ว8/60 เรื่อง การคัดเลือกและสรรหาบุคลากรของท้องถิ่นให้มอบอำนาจให้แต่ละจังหวัดเป็นผู้สอบคัดเลือกเหมือนเดิม ไม่ควรรวมการสอบไปอยู่ที่กรมส่งเสริมปกครองส่วนท้องถิ่นเนื่องจากที่ผ่านมาเกิดปัญหาตามมาอย่างมากมายนั้น

ซึ่งปัจจุบันนี้กรมส่งเสริมปกครองส่วนท้องถิ่น โดย คณะกรรมการกลางการสอบแข่งขันพนักงานส่วนท้องถิ่น (กสถ.) ได้มีการคืนอำนาจให้แต่ละจังหวัดต่างดำเนินการสอบกันเองแล้ว แต่ปรากฏว่ามีข้าราชการบ้างรายโดยเฉพาะสายงานปลัดนั้นต้องการให้กรมทำการสอบเพราะเขาคิดว่าจะไม่มีการเลือกปฎิบัติสามารถสอบได้ทั่วประเทศ แต่ความเป็นจริงแล้วการกระจายอำนาจของทั้ง 3 สมาคมนั้นต้องการคือเรื่องของการสอบคัดเลือกสายผูบริหารนั้นเป็นไปด้วยดีไม่คิดขัดอะไร โดยที่ผ่านมาทางกรมเปิดสอบคัดเลือกสายงานที่ว่างหลายพันคนก็ไม่สามารถสอบได้ตามความต้องการ อีกทั้งหากมีบุคคลที่สอบบรรจุเข้ามาได้นั้นมีถิ่นกำเนิดอยู่ทางภาคใต้แต่คำสั่งให้มาลงที่ปทุมธานีพอถึงเวลาบุคคลเหล่านี้ก็จะขอย้ายตัวเองกลับไปยังบ้านเกิดของตัวเอง ซึ่งปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาซ้ำซากไม่รู้จักจบ ซึ่งหากให้จังหวัดเป็นผู้ดำเนินการสามารถดำเนินการได้ทั้งหมดเพียงในวันเดียวเท่านั้นซึ่งตอนนี้ทางจังหวัดปทุมธานีก็ดำเนินการเรียบร้อยแล้วในตอนนี้

ทั้งนี้สิ่งที่มีข้าราชระดับสูง(ปลัดเทศบาลแห่งหนึ่ง) ได้มีการกล่าวหาโจมตีในเฟสบุ๊คส่วนตัวว่า สมาคม อบต.แห่งประเทศไทย และ สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศประเทศไทย ที่มีนายกสมาคมทั้ง 2 สมาคมอยู่ในจังหวัดปทุมธานี แต่ยังทำไม่ได้เลย จึงขอชี้แจงว่าจังหวัดปทุมธานีตอนนี้มีการประชุมของคณะกรรมการจังหวัดเรียบร้อยแล้วและมีการแต่งตั้งคณะกรรมการในการเปิดสอบเรียบร้อยแล้ว จึงฝากเตือน ปลัดคนดังกล่าวอย่าอ้างโดยไม่มีเหตุผลแล้วยังไม่มาดูข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างไร ตนเองขอยืนยันว่าปทุมธานีมีความพร้อมและทำเรื่องไว้เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ตนเองในฐานะ นายกสมาคม อบต.แห่งประเทศไทย จึงฝาก ปลัดคนดังกล่าวที่นำข้อมูลที่ไม่จริงแล้วนำไปลงในเฟสบุ๊คนั้นขอให้ดำเนินการแก้ไขข้อมูลที่ถูกต้องโดยเร็วเพราะข้อมูลดังกล่าวที่ท่านนำไปลงสร้างความเสื่อมเสียและชื่อเสียงของทั้ง 2 สมาคมที่อาจจะขาดความเชื่อมั่นได้ ซึ่งหากท่านไม่แก้ไขตนเองตะดำเนินการฟ้องร้องท่านให้ถึงที่สุดต่อไป

กำพล วงศ์สุทธา ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงาน