โจ๋คู่แฝดปาแก้วเยติใส่หน้าทำรถเสียหลักพุ่งลงข้างทางเสียชีวิต ญาติติดใจแจ้งความตำรวจบอกให้ไปหาพยานหลักฐานเอง

โจ๋คู่แฝดปาแก้วเยติใส่หน้าทำรถเสียหลักพุ่งลงข้างทางเสียชีวิต ญาติติดใจแจ้งความตำรวจบอกให้ไปหาพยานหลักฐานเอง

วันที่ 8 ก.พ.67 เวลา 18.00 น.ผู้สื่อข่าวพร้อมทั้งดร.ชัยเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือดร.แก้ว ประธานกต.ตร.จังหวัดนนทบุรีและนาย คมสัน โพล้งอุไร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ตำบลไทรใหญ่ ได้เดินทางไปที่วัดปลายคลองขุนศรี ต.ไทรใหญ่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี หลังจากได้รับการประสานจาก นาย นนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ สส.พรรคก้าวไกล เขต 8 จ.นนทบุรี จากกรณี เมื่อวันที่ 6 ก.พ.67 เวลาประมาณ 17.30 น.บริเวณ ถนนเลียบคลองขุนศรี นาย ปรีชา ชอบใช้ อายุ 22 ปี อาชีพพนักงานโรงงานแห่งหนึ่งย่านไทรน้อยถูกวัยรุ่นชาย 2 คน ขี่รถจยย.ประคบคู่ก่อนจะเขวี้ยวแก้วเยติซึ่งเป็นแก้วสแตนเลสใส่เข้าที่หน้า จนทำให้รถจยย.ที่นาย ปรีชา ขี่มาเสียหลักพุ่งลงข้างทาง ต่อมาวัยรุ่นทั้งสองคนจอดรถและเดินลงไปตรงจุดที่รถจยย.ของนายปรีชา ล้มเพื่อหวังจะซ้ำ แต่มีคนมาเห็นจึงได้ตะโกนห้าม ก่อนวัยรุ่นทั้ง2คนจะเดินขึ้นมาและขับรถหนีไป ก่อนที่พลเมืองดีจะช่วยแจ้งกู้ภัยและนำตัวส่งโรงพยาบาลไทรน้อย และส่งตัวต่อไปที่รพ.พระนั่งเกล้าและเสียชีวิตเมื่อช่วงเช้าวันที่ 7 ก.พ. หลังเกิดเหตุญาติผู้เสียชีวิตเดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.ไทรน้อย แต่เจ้าหน้าที่กลับบอกว่าให้ไปหาพยานและหลักฐานมาเอง และรอให้จัดงานศพเสร็จก่อนค่อยมาแจ้งความใหม่

นาย จิรายุ ชอบใช้ อายุ 25 ปี สวมเสื้อคอปกสีเขียว(ลูกพี่ลูกน้อง) เล่าว่า ตนกับนายปรีชาเป็นพี่น้องคนละแม่กัน พอเสร็จงานก็กำลังจะกลับบ้านกัน ตนต้องไปรับลูกจึงแยกไปคนละทางกับนายปรีชา พอขากลับก็ขี่รถมาถึงตรงจุดเกิดเหตุก็เห็นคู่กรณีซึ่งมากัน2คนกำลังเดินขึ้นมาจากข้างทางตรงจุดที่รถของนายปรีชาเสียหลักพุ่งลงไป ตอนนั้นไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรกันจึงถามคนที่เห็นเหตุการณ์เขาเล่าให้ฟังว่า นายปรีชาขี่รถจยย.สวนกับทางคู่กรณีและได้มีการตะโกนด่ากัน หลังจากนั้นคู่กรณีก็กลับรถเลี้ยวมาหานายปรีชาและเขวี้ยวแก้วเยติเข้าที่ใบหน้าของนายปรีชาจนทำให้เสียหลักและพุ่งลงข้างทาง จากนั้นทางคู่กรณีก็จอดรถและเดินลงไปคิดว่าคงจะไปซ้ำแต่ถูกพลเมืองดีช่วยห้ามไว้ ต่อมาเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็มาถึงและพาตัวนายปรีชาไปส่งที่รพ.ไทรน้อยก่อน หลังจากนั้นจึงส่งตัวไปรักษาต่อที่รพ.พระนั่งเกล้าและเสียชีวิตเมื่อช่วงเช้าวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา ต่อมาพี่สาวตนได้เดินทางไปแจ้งความที่ สภ.ไทรน้อย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับบอกว่าให้พวกตนไปหาพยานหลักฐานเอง หรือรอให้จัดงานศพเสร็จก่อนค่อยมาแจ้งความใหม่ ทำให้ครอบครัวของตนติดใจเป็นอย่างมาก จนต้องไปปรึกษากับผู้ใหญ่บ้านให้มาช่วย

นาย คมสัน โพล้งอุไร (สวมเสื้อสีดำ) ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ตำบลไทรใหญ่ กล่าวว่า ตนเพิ่งจะมาทราบเรื่องเมื่อช่วงค่ำของเมื่อวานนี้เอง จึงได้เดินทางไปยัง สภ.ไทรน้อย เพื่อช่วยเหลือญาติของผู้เสียชีวิตในการติดตามคดีดังกล่าว ต่อมาจึงได้มีการประสานให้ทางผู้ก่อเหตุเข้ามอบตัวและได้มีการเจรจาเรียกค่าเสียหายโดยทางฝั่งแม่ของผู้เสียชีวิตเรียกเงินจำนวน 200,000 บาทเท่านั้น ส่วนเรื่องของคดีนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่ายังไม่มีหลักฐานและต้องรอใบชันสูตรจากแพทย์ก่อนไม่ได้จะไม่รับแจ้งความและได้ปล่อยตัวผู้ก่อเหตุทั้งสองคนไป โดยผู้ก่อเหตุทั้งสองรายนี้มีคดีติดตัวหลายคดี และคนในพื้นที่ตั้งฉายาให้ว่า แฝดนรกเพราะก่อเหตุในพื้นที่หลายครั้งและไม่เกรงกลัวใคร ขนาดตอนที่ตนเข้าไปเจรจาเรื่องค่าเสียหาย ทั้งคู่ยังบอกเลยว่าไม่มีให้ งั้นก็จับติดคุกไปเลย

ทางด้าน ดร.ชัยเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือดร.แก้ว ประธานกต.ตร.จังหวัดนนทบุรี กล่าวว่าวันนี้ตนได้รับการประสานจาก สส.นนท์หรือ นาย นนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ สส.พรรคก้าวไกล เขต 8 จ.นนทบุรี จึงเดินทางมารวมพิธีศพและได้พูดคุยกับทางแม่และญาติของผู้เสียชีวิต

เบื้องต้นได้ช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นเงินจำนวน 10,000 บาท หลังจากนี้จะประสานทางหน่วยงานต่างๆ ทั้งยุติธรรมจังหวัดให้เข้าช่วยเหลือ ส่วนในเรื่องที่ทางญาติติดใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ตนต้องขอโทษแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อาจจะเป็นเพราะการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกัน เลยทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันขึ้นระหว่างคนที่เข้าไปแจ้งความและเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากนี้ตนจะช่วยประสานทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้อีกทางหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัดนนทบุรี รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ