สลดหดหู่ใจ ทหารขืนใจลูกเลี้ยงจนตั้งท้อง แม่กับยายเด็ก ไม่อยากเอาเรื่องผู้ก่อเหตุเป็นเสาหลักหารายได้ให้ครอบครัว

สลดหดหู่ใจ ทหารขืนใจลูกเลี้ยงจนตั้งท้อง แม่กับยายเด็ก ไม่อยากเอาเรื่องผู้ก่อเหตุเป็นเสาหลักหารายได้ให้ครอบครัว

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ขณะที่ พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.สิงหราช แก้วเกิดมี รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก ได้มีทหารพระธรรมนูญ 2 นาย นำตัว จ.ส.อ. อายุ 32 ปี ทหารสังกัด ร.13 พัน 3 ค่ายเจ้าพระยาสุรวงศ์วัฒนศักดิ์ เทศบาลเมืองหนองสำโรง อ.เมือง จ.อุดรธานี เข้ามอบตัว รับทราบข้อหา กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตนโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยใช้เวลาสอบสวน 2 ชั่วโมง เบื้องต้นให้การรับสารภาพ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ครูประจำชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี ได้สังเกตเห็นว่า ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี นักเรียนประจำชั้นของตัวเอง ซึ่งมีพัฒนาการทางสมองช้า ได้มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป เซื่องซึมไม่ร่าเริงเหมือนเดิม และมีหน้าท้องโต จึงเข้าไปสอบถามว่ามีอะไรจะเล่าให้ครูฟังหรือไม่ ซึ่ง ด.ญ.เอได้เล่าว่าเมื่อ 4 เดือนก่อน โดนพ่อเลี้ยงที่เป็นทหารกระทำชำเราในบ้านพักในค่ายทหาร ขณะแม่ออกไปค้าขาย ครูประจำชั้น ได้นำ ด.ญ.เอ ไปพบเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ และแจ้งเรื่องดังกล่าวให้แม่ ด.ญ.เอ ทราบ ก่อนพา ด.ญ.เอ เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับพ่อเลี้ยง

โดยตำรวจและเจ้าหน้าที่ พม.ได้สอบสวนปากคำ ซึ่ง ด.ญ.เอให้การว่า ได้อาศัยอยู่บ้านพักในค่ายทหารกับพ่อเลี้ยงและแม่ วันเกิดเหตุ ตนไม่สบายแม่ให้กินยาแก้ไข้และนอนอยู่ในบ้าน ส่วนแม่ออกไปขายของ ขณะที่ตนนอนหลับด้วยฤทธิ์ยาแก้ไข้ พ่อเลี้ยงได้เข้ามานอนกอด แล้วถอดกางเกงของตนออก ก่อนจะกระทำชำเราตน ขณะที่ตนมีอาการสะลึมสะลือด้วยฤทธิ์ยาแก้ไข้ แต่พอตนตื่นมา ก็รู้สึกเจ็บอวัยวะเพศซึ่งมีน้ำเหนียวเปียกแฉะ และไม่ได้บอกใคร จนกระทั่งครูประจำชั้นมาสอบถามและเล่าให้ครูฟัง เจ้าหน้าที่ได้นำ ด.ญ.เอ ไปตรวจหาร่องรอยกระทำชำเราประกอบสำนวนคดี และพบว่า ด.ญ.เอ ตั้งครรภ์ 22 สัปดาห์ ตำรวจจึงรวบรวมพยานและหลักฐาน เพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับ แต่ จ.ส.อ. รู้ตัวก่อนจึงขอให้ทหารพระธรรมนูญนำเข้ามอบตัว รับทราบข้อกล่าวหา

หลังจากรับทราบข้อกล่าวหา และให้การรับสารภาพเสร็จแล้วทหารพระธรรมนูญได้นำตัว จ.ส.อ. ออกจากห้องสอบสวนเพื่อกลับค่ายทหาร เนื่องจากได้แสดงตัวเข้ามารับทราบข้อกล่าวหา โดยไม่ได้หลบหนี จึงไม่ต้องควบคุมตัว ซึ่งผู้สื่อข่าวที่รออยู่หน้าห้อง ได้สอบถามว่าได้กระทำกับลูกเลี้ยงจริงหรือไม่ อยากจะฝากขอโทษเด็กหรือไม่ จ.ส.อ. ไม่ยอมตอบคำถาม และรีบเดินขึ้นไปบนรถ ขับออกจากโรงพักไป พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า

หลังได้รับแจ้ง ก็ได้ไปสอบสวนปากคำด้วยตัวเองที่ พมจ.อุดรธานี ยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนเพื่อตรวจพิสูจน์ทราบ เพื่อไม่ให้ผิดตัว ตอนนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐาน สอบปากคำแม่ และแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งผู้บังคับบัญชาก็ได้นำตัวมารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาไม่มีพฤติกรรมหลบหนี แต่แม่และญาติได้ต่อรองไม่อยากดำเนินคดี เพราะเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่เรามีกฎหมายคุ้มครองเด็ก เด็กอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถตัดสินใจได้ กฎหมายจึงให้ความคุ้มครอง

เพื่อไม่ให้ผู้ใหญ่ล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก แม้ว่าจะยินยอมก็ตาม แม่และยายเด็ก ไม่อยากเอาเรื่อง เพราะเห็นว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน มองว่าผู้ก่อเหตุเป็นเสาหลักที่หารายได้ให้ครอบครัว แต่ก็ยอมรับว่า 4-5 เดือนก่อนได้กระทำลูกจริง และทำครั้งเดียวในวันที่ลูกนอนไม่สบาย พ่อเลี้ยงเข้าไปเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ลูกซึ่งโตเป็นสาวแล้ว ทำให้ได้ล่วงเกินลูก และขอชื่นชมรอง ผอ.โรงเรียนที่สังเกตเด็กกับผู้ปกครอง สนิทชิดเชื้อเกินพ่อลูก จึงเริ่มสังเกต และตอนหลังเด็กก็เริ่มซึม ท้องโตขึ้น จึงสอบถามและพามาที่ พมจ.และรู้ว่าตั้งครรภ์ 22 สัปดาห์ ซึ่งต่อไปจะได้ทำรายงานไปยังผู้บังคับบัญชาของทหารนายนี้ ให้ทราบเกี่ยวกับพฤติกรรมความผิด ตามระเบียบต่อไป ส่วนพยาน แม่ ครู เรียบร้อยแล้ว ต่อไปจะสอบเด็กต่อหน้าสหวิชาชีพ ซึ่งตอนนี้เด็กอยู่ในความคุ้มครองของ พมจ.อุดรธานีผกก.สภ.เมืองอุดรธานี กล่าวในที่สุด

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ