รูปปั้น ท้าวเวสสุวรรณ องค์ใหญ่ที่สุดในโลก ต้องย้ายหาที่ตั้งใหม่ เจ้าของที่ดินเปิดใจ ทำไมไม่ขายให้

รูปปั้น ท้าวเวสสุวรรณ องค์ใหญ่ที่สุดในโลก ต้องย้ายหาที่ตั้งใหม่ เจ้าของที่ดินเปิดใจ ทำไมไม่ขายให้

เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2567 สมาคมสายธารสะพานบุญ แยกส้มหล่น ต.ห้วยโป่ง อ.เมือง จ.ระยอง นายจักรกฤษณ์ แต่งตั้ง อายุ 27 ปี หรือ ปอนด์ส่งศพฟรีทั่วไทย ผู้ก่อตั้งสมาคมสายธารสะพานบุญ และ จัดสร้างรูปปั้นท้าวเวสสุวรรณปางประทานพร องค์ใหญ่ที่สุดในโลก ได้แถลงข่าว กรณีที่มีการโพสต์ข้อความออนไลน์เกี่ยวกับสถานที่ตั้งองค์ท้าวเวสสุวรรณ ที่มีการพาดพิงเกี่ยวกับเรื่องที่ดินสถานที่ตั้ง สร้างความสับสนต่อผู้ที่ศรัทธาต่อองค์ท้าวเวสสุวรรณหลายต่อหลายคน

โดยนายจักรกฤษณ์ ได้พูดถึงเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า ตนเองในฐานะผู้ก่อตั้งสมาคมสายธารสะพานบุญ และ ผู้จัดสร้างรูปปั้นองค์ท้าวเวสสุวรรณองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเริ่มต้นเมื่อประมาณ 4 ปี ที่ผ่านมา มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยรับส่งศพฟรีทั่วไทย เมื่อเกิดเรื่องราวขึ้น จึงจำเป็นต้องออกมาชี้แจง เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบความจริง โดยเริ่มต้นจากการขอเช่าที่ดินผืนดังกล่าว เนื้อที่ 365 ตารางวา ทำสัญญาเช่าเดือนละ 15,000 บาท มีการพูดคุยกับตัวแทนเจ้าของที่ดิน ที่มีการเสนอราคาซื้อขายกันประมาณ 6 ล้านบาท

ด้วยความตั้งใจที่จะซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวกับราคาที่คุยกันไว้ ต่อมา จึงได้เริ่มก่อสร้างรูปปั้นองค์ท้าวเวสสุวรรณ สูง 29 เมตร หน้ากว้างประมาณ 9 เมตร ยึดรูปแบบจากความฝัน และใช้เงินส่วนตัวในการสร้าง หลังจากที่รูปปั้นท้าวเวสสุวรรณแล้วเสร็จ ได้มีผู้ศรัทธาเข้ามากราบไหว้บูชากัน พร้อมทั้งช่วยบริจาคโลงศพ เพื่อร่วมในการส่งศพฟรีทั่วไทย การส่งศพโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ตลอดระยะเวลา 4 ปี ส่งศพฟรีทั่วไทยไปแล้ว กว่า 6,000 ศพ จึงทำให้สถานที่แห่งนี้มีการกล่าวถึงเป็นอย่างมากกับการเสียสละช่วยเหลือผู้ยากไร้ มีรายการทีวี และ ยูทูบเบอร์ชื่อดังเข้ามานำเสนอ

ปอนด์ ส่งศพฟรีทั่วไทย กล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น เจ้าของที่ดินให้นายหน้ามาแจ้งว่า ต้องการขายที่ดินแปลงนี้ ในราคา 11 ล้านบาท ราคาเพิ่มขึ้นถึง 5 ล้านบาท จากที่ตกลงกันไว้ที่ 6 ล้านบาท ตนเอง จึงขอต่อรองและทวงสัญญาที่ตกลงกันไว้ด้วยปากเปล่า จึงสรุปตกลงราคากันได้ที่ 8.8 ล้านบาท ขอเวลา 3 ปี ในการชำระ แบ่งเป็น 3 งวด แต่เจ้าของที่ดินไม่ยอมต้องจ่ายเงินทั้งหมดภายใน 1 ปี ซึ่งไม่มีทางเลือก เพราะก่อสร้างไปแล้วจึงต้องยอมรับข้อเสนอ โดยมีการวางเงินสดไป 1 ล้านบาทก่อน ส่วนที่เหลือจ่ายภายใน 1 ปี

จนกระทั่งครบกำหนดเวลาจ่ายงวดที่สอง แต่ทางตนเองยังไม่พร้อมจึงขอผ่อนผันไปก่อน แต่ทางนายหน้าที่มาดำเนินการแทนเจ้าของที่ดิน บอกว่าต้องจ่ายค่าเสียโอกาส เดือนละ 76,000 บาท ตนเองจึงต้องจ่ายไปจนถึงเดือนที่แล้วรวม 6 เดือน จนไม่ไหวแล้ว จึงต้องยอม หลังจากนั้นทางเจ้าของก็ยื่นคำขาดว่าจะต้องย้ายภายใน 3 เดือน ซึ่งตนเองได้ยื่นขอขยายเป็น 6 เดือน และ ขอเงินมัดจำ 1 ล้านบาทคืน แต่ก็ยังไม่มีคำตอบ ซึ่งการย้ายองค์ท้าวเวสสุวรรณนั้น จะย้ายไปอยู่ที่แห่งไหนก็ยังมืดแปดด้าน ฝากถึงผู้ที่ศรัทธาต่อองค์ท้าวเวสสุวรรณ ยังสามารถเข้ามากราบไหว้ขอพรกันได้ตามปกติ รวมถึงการส่งศพฟรีก็ยังดำเนินการอยู่เหมือนเดิม

ด้านเจ้าของที่ดิน (ขอสงวนชื่อ-นามสกุล) ได้มีการเปิดเผยว่า ที่ดินผืนนี้ ได้มาจากการชดใช้หนี้ ต้นทุนเริ่มที่ ราคา 5 ล้าน เมื่อหลายปีก่อน จนถึงวันนี้ หากต้องขายที่ราคา 8.8 ล้าน ก็ถือว่าไม่มีกำไรอยู่แล้ว แต่ทางผู้ซื้อกลับไปไลฟ์เผยแพร่ให้ประชาชนรู้ว่า ได้ทำการซื้อที่ดินมาแล้ว ซึ่งไม่เป็นความจริง และไม่มีการจ่ายเงินตามงวดที่ตกลงในสัญญา อีกทั้งยังมีปัญหาสะสมมาอีกหลายเรื่อง จึงไม่คิดขายให้แล้ว และยืนยันว่าไม่ได้ลบหลู่องค์ท้าวเวสสุวรรณ

ขณะที่นายนพรุจ สุวรรณกาล อายุ 54 ปี ที่เดินทางมากราบไหว้ขอพรท้าวเวสสุวรรณ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวเรื่องที่เกิดขึ้นว่า รู้สึกเสียใจเศร้าใจ หากต้องย้ายไปสถานที่แห่งใหม่ ถึงจะย้ายไปไหนก็จะยังคงติดตามไปกราบไหว้ และ บริจาคเงินช่วยเหลือเหมือนเดิม เพราะที่ผ่านมา ได้เห็นถึงความตั้งใจจริงในการช่วยเหลือส่งศพผู้เสียชีวิตทั่วไทย โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเลย ซึ่งเห็นมาตลอดตั้งแต่ก่อตั้ง จึงนับเป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ช่วยเหลือโดยไม่หวังผลตอบแทน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ