แท็กซี่บุกยิงเพื่อนบ้านเสียชีวิต ก่อนยิงตัวตาม ที่แท้เคยเป็นข่าวโด่งดังมาก่อน

แท็กซี่บุกยิงเพื่อนบ้านเสียชีวิต ก่อนยิงตัวตาม ที่แท้เคยเป็นข่าวโด่งดังมาก่อน

เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 22 ธ.ค.66 สำนักข่าวดัง รายงานว่า ที่สน.ลำผักชี รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส ส่วนคนร้ายหนีเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในบ้าน ชุมชนบ้านเอื้ออาทรอยู่วิทยาหลังคาเขียว ซอยอยู่วิทยา 12 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าบ้านของผู้เสียชีวิตลักษณะเป็นทาวเฮ้าสองชั้นปลูกติดกัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามช่วยกันปั๊มหัวใจนายสมหมาย หนูนิ่ม อายุ 65 ปี ที่โดนอาวุธปืนลูกโม่ ขนาด.38 ยิงเข้าที่หน้าอกซ้ายและขวา นอนหายใจรวยรินก่อนจะสิ้นใจในเวลาต่อมา ส่วนผู้บาดเจ็บอีกรายเป็นภรรยาของนายสมหมาย คือ น.ส.พัชรินทร์ (สงวนนามสกุล) อายุ 62 ปี ถูกยิงเข้าที่หน้าอก และสีข้าง ได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ช่วยกันนำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมิ์

ขณะที่ผู้ก่อเหตุทราบชื่อต่อมาคือนายพิพัฒน์พล ใจคำ อายุ 65 ปี หลังก่อเหตุได้วิ่งเข้าไปซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านของนายสมหมายผู้เสียชีวิต ส่วนรถยนต์โตโยต้า อินโนว่า ซึ่งเป็นแท็กซี่ป้ายดำ ซึ่งเป็นรถของผู้ก่อเหตุได้จอดอยู่หน้าบ้าน ซึ่งเป็นบ้านของผู้ก่อเหตุที่อยู่ติดกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการปิดล้อมและเกลี่ยกล่อมให้ผู้ก่อเหตุมอบตัว

ซึ่งก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการปิดล้อม ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังทำการ CPR ผู้บาดเจ็บอยู่ก่อนหน้านี้ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัดภายในบ้าน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีใครกล้าเข้าไปและต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะผู้ก่อเหตุมีอาวุธ

จนเวลาผ่านไปนานกว่า 30 นาทีไม่มีเสียงตอบรับจากผู้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่จึงบุกเข้าไปแต่พบว่า ผู้ก่อเหตุนอนเสียชีวิตแล้วข้างอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ โดยยิงเข้าที่ปากทะลุท้ายทอย จำนวน 1 นัด เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้าเก็บหลักฐานต่างๆ ก่อนเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตทั้งสองส่งสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง

นายสมหวัง ประดุงสิทธิ์ อายุ 72 ปี ประธานชุมชนบ้านเอื้ออาทรอยู่วิทยาหลังคาเขียว เปิดเผยว่า บ้านผู้ก่อเหตุและผู้ที่ถูกยิงอยู่ติดกัน มีปัญหาทะเลาะกันเรื่องที่จอดรถขวางหน้าบ้านกัน เวลาที่นายพิพัฒน์พล มาจอดรถแล้วท้ายรถยื่นมาหน้าบ้านนายสมหมาย ก็จะเข็นรถของนายพิพัฒน์พล ผู้ก่อเหตุไปตรงอื่น จนมีปากเสียงทะเลาะวิวาทชกต่อยกันมาหลายครั้งแล้ว

จนถึงขึ้นต้องไปแจ้งความกันที่โรงพัก ส่วนตัวนายพิพัฒน์พล ผู้ก่อเหตุอยู่บ้านหลังดังกล่าวเพียงคนเดียว มีอาชีพขับแท็กซี่ป้ายดำ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เคยออกข่าวกรณีเรียกเก็บค่าโดยสารแพง จนเป็นข่าวโด่งดังมาก่อนหน้านี้ น.ส.ปริญญา อายุ 47 ปี หลานสาวของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า

นายพิพัฒน์พล ได้โทรศัพท์มาหาตน บอกว่าได้ยิงเพื่อนบ้านเสียชีวิต ให้มาเก็บร่างน้าด้วย ตนเองก็พยายามพูดว่าอย่าเพิ่งทำอะไร แล้วก็รีบขับรถมายังที่บ้านของน้า จนมาพบว่าน้าได้ก่อเหตุแล้วจริงๆ ซึ่งอุปนิสัยน้าเมื่อก่อนเป็นคนใจร้อน แต่ตอนนี้มีอายุมากขึ้นก็ใจเย็นลงมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าวันนี้ทำไมน้าถึงใจร้อนก่อเหตุยิงกันจนเสียชีวิต

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ