ลุงพล สวนกลับพ่อแบม ทวงบุญคุณเคยช่วยตอนติดคุก ลั่นคนอย่างลุง กล้าทำกล้ารับ

ลุงพล สวนกลับพ่อแบม ทวงบุญคุณเคยช่วยตอนติดคุก ลั่นคนอย่างลุง กล้าทำกล้ารับ

วันที่ 21 ธ.ค.66 ที่วังปู่ปาริจิต - นาลุงพลป้าแต๋น ต.กุดเรือคำ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล และ นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น ให้สัมภาษณ์หลังจากทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ

นายไชย์พล กล่าวว่า วันนี้มีการรำถวายครูบาอาจารย์ก่อนที่จะมีพิธีบายศรีสู่ขวัญ ซึ่งเป็นประเพณีของคนอีสาน เวลาเรียกขวัญกำลังใจ หลังจากนั้นก็มีการกอดกัน เพราะผู้ใหญ่ใจดี ท่านอยากทำให้เห็นว่าทุกคนยังเป็นกำลังใจให้กับลุงพลและป้าแต๋นอยู่ ไม่มีอะไรพิเศษ แต่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลุงกับป้าในตอนนี้

ความรู้สึกวันนี้มันตื้นตันใจมาก หลังจากเมื่อวานที่กลับมา แฟนคลับรู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกลุงกับป้าแต๋นมาก วันนี้จึงฝากให้คนที่อยู่ที่นี่ กอดลุงกับป้าแต๋นเพื่อเป็นกำลังใจ มันก็ทำให้มีกำลังใจในการต่อสู้ในกระบวนการชั้นศาลอุทธรณ์ต่อ จะสังเกตได้ว่าวันนี้ลุงร้องไห้น้อยมาก เพราะตอนนี้ได้กำลังใจจากทุกคนเยอะ ทำให้เราเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น

นายไชย์พล กล่าวว่า เมื่อวานได้ดูข่าวของยายสมควร ซึ่งเป็นแม่ของป้าแต๋น ก็เห็นว่ายายสมควรมีรอยยิ้มและดีใจที่ลูกสาวสุดที่รัก ซึ่งเป็นลูกสาวคนแรกของครอบครัว ผ่านวิบากกรรมรอบนี้มาได้ ส่วนตัวของลุงเองเป็นลุงเขย ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองต่อไปว่าตนไม่ได้เป็นคนทำ

นายไชย์พล กล่าวว่า เมื่อวานได้ดูข่าวของยายสมควร ซึ่งเป็นแม่ของป้าแต๋น ก็เห็นว่ายายสมควรมีรอยยิ้มและดีใจที่ลูกสาวสุดที่รัก ซึ่งเป็นลูกสาวคนแรกของครอบครัว ผ่านวิบากกรรมรอบนี้มาได้ ส่วนตัวของลุงเองเป็นลุงเขย ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองต่อไปว่าตนไม่ได้เป็นคนทำ

วินาทีที่ลงมาจากศาลตอนแรกไม่เข้าใจว่าตัวเองถูกจำคุก เข้าใจว่าศาลท่านยกทั้งหมด แต่เมื่อทนายมาบอกว่า ถูกจำคุกทั้งหมด 20 ปี แต่ศาลท่านเมตตาให้ประกันตัวภายในวันนั้นเลย อยากขอบคุณศาลที่เมตตา ที่ทำให้ออกมาต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม เบื้องต้นทนายจะเขียนคำอุทธรณ์ เพื่อต่อสู้คดีทำหน้าที่ต่อไปโดยไม่ทอดทิ้งลูกความ”

นายไชย์พล กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่จะต่อสู้ต่อ ในความรู้สึกของตนคือ ที่ศาลพิพากษาว่าไม่ได้มีเจตนาฆ่า ตนก็จะสู้ในส่วนนี้ ไม่ว่าจะมีพิรุธตรงไหน เราต้องพิสูจน์ตัวเองต่อ ต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ซึ่งตนพึงพอใจกับทีมทนายกฎหมายธรรมรังสี ท่านทำงานดีที่สุดแล้ว ก็จะใช้ทีมกฎหมายเหมือนเดิม

สิ่งสำคัญที่สุดที่ลุงจะต้องพิสูจน์ตัวเองคือ ช่วงเวลา 9 โมงเศษ กับ 14.00 - 16.00 น. ว่าเราอยู่ตรงไหน ส่วนพ่อแบมที่เป็นพยานปากเอก มีช่วงนึงที่พ่อแบมไปออกรายการหนึ่ง แล้วบอกว่าพบกับลุงพลในช่วงเวลา 09.20 น. หลังจากนั้นก็นั่งอยู่ที่บ้าน และพ่อของน้องชมพู่ก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์มาที่บ้านประมาณ 09.40 น. ห่างกัน 20 นาที มาถามหาน้องชมพู่ ซึ่งคือข้อพิรุธของพยานปากนี้ ลุงเห็น จึงขี่รถมอเตอร์ไซค์เข้าไปบ้านพ่อแบมและบอกพ่อแบมว่าไปออกข่าวแบบนั้นจะทำให้พ่อชมพู่ลำบาก เพราะว่าลุงมีพยาน เนื่องจากในช่วงที่เจอกับพ่อแบม น้องโอมเอาโทรศัพท์ไปให้ที่สวนยาง ซึ่งตอนนั้นลุงกำลังกระตุ้นยางอยู่ ไม่ใช่กรีดยาง ลุงมีพยานเป็นลูกชายอยู่แล้ว ว่าช่วงเวลาประมาณ 7 โมงนิดๆ เรายังคุยกันอยู่

ยืนยันไม่ได้ไปข่มขู่ ให้เปลี่ยนคำให้การตามที่พ่อแบมกล่าวอ้าง และไม่มีพฤติกรรมที่จะข่มขู่ทำร้ายร่างกายพ่อแบมเลย พ่อแบมเคยติดคุกคดีตัดไม้ ระยะเวลาประมาณ 1 ปี มีลุงนี่แหละที่คอยช่วยเหลือครอบครัวของพ่อแบมมาตลอด ลุงจะไปข่มขู่พ่อแบมเรื่องอะไร มันไม่เกี่ยวกัน มันเป็นสิทธิ์ของพ่อแบมที่จะพูด แต่เป็นสิทธิ์ของลุงเช่นกันที่จะต้องพิสูจน์ความจริงให้ได้ คนชื่อ ไชยพล วิภา กล้าทำ กล้ารับ ไม่มีการข่มขู่แน่นอน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ