ลือเป็นกุดน้ำอาถรรพ์ลำน้ำมูลตายหมู่ทุกครั้งก่อนจะโดนทรายดูดอีก 5 ศพ

ลือเป็นกุดน้ำอาถรรพ์ลำน้ำมูลตายหมู่ทุกครั้งก่อนจะโดนทรายดูดอีก 5 ศพ

ชาวบ้านเผยจุดที่พ่อลูกและหลานรวม 5 คนมาขนทรายไปก่อสร้างแล้วถูกทรายแม่น้ำมูลดูดเสียชีวิตทั้งหมด เป็นกุดน้ำอาภรรพ์ตายหมู่ทุกครั้ง ครั้งแรกเด็กจมน้ำ 3 ศพพร้อมกัน อีก 2 ปี คนงานสร้างสะพานที่เกิดเหตุตาย 4 คนพร้อมกัน และครั้งนี้ห่างกันประมาณ 4 ปี ที่ตายหมู่อีก 5 ศพ เชื่อเป็นกุดอาถรรพ์ ช้างยังเกือบไม่รอด เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะบรรยากาศในงานศพเศร้า

วันที่ 12 ธ.ค. 66 กรณีนายวิริยา คัดชาน อายุ45ปี นางสาว นุชรินทร์ คัดชาน อายุ23ปี สองพ่อลูก และหลานอีก 3 คน มี ด.ญ.วรันญา พิมทอง อายุ14ปี ,ด.ญ ญาญ่า ทองคำสาน อายุ11ปี และ ด.ช.โฟม นุชารัมย์ อายุ 8 ปี รวม 5 คน ออกจากบ้านไปตั้งแต่ตอนเช้าวันที่ 11 ธ.ค.เพื่อไปเอาทรายที่แม่น้ำมูลเพื่อเอามาปูกระเบื้องที่บ้าน แล้วหายตัวไป

จนกระทั่งมาพบกลายเป็นศพอยู่ในแม่น้ำมูลซึ่งมีลักษณะเป็นกุด(ภาษาอีสานหมายถึง หนองน้ำที่กว้างและยาว ต่อมาตื้นเขินขาดเป็นช่วงๆห้วงที่ขาดน้ำ)กู้ภัยวังกรูด อ.สตึก ใช้เวลานานกว่า 3 ชม.จนถึง 23.00 น.จึงสามารถกู้ศพมาได้ทั้งหมด

นายนายประมวล ชุมทอง อายุ 62 ปีบ้านเลขที่ 86 หมู่ 7 บ้านท่าเรือตำบลท่าม่วง อ.สตึก เล่าว่า ตอนสายๆวานนี้ เห็นกลุ่มนี้ขับรถอีแต๊กมาด้วยกัน 4 คน คาดว่ามาเอาทราย ต่อมามีวัยรุ่นหญิงขี่รถจักรยานยนต์มาสมทบอีก 1 คนรวมเป็น 5 คน ตนไม่ได้สนใจเพราะปกติจะมีชาวบ้านมาเอาทรายเป็นประจำ

ตอนประมาณเที่ยงวัน ได้มีการขับรถอีแต๊กขึ้นจากบ่อทราย เอามาจอดในท่าเตรียมขับกลับบ้าน และยังเห็นกลุ่มนี้กำลังจะลงน้ำอยู่บริเวณนั้น หลังจากนั้นไม่เห็นใครเลย พอตกเย็นก็ยังอยู่ทุกอย่างยังยังอยู่สภาพเดิมคือไม่มีการเคลื่อนไหว และไม่พบมีใครอยู่

นายประมวล เล่าด้วยว่า บริเวณดังกล่าวเป็นเหมือนทรายหลวม บางจุดเวลาเหยียบลงไปจะหลวมเหมือนดูด แต่จะเปลี่ยนจุดไปเรื่อยๆ แล้วแต่ทิศทางของน้ำว่าจะหมุนไปทางไหน ส่วนตัวเชื่อว่าอาจจะมีใครคนใดคนหนึ่งโดนทรายดูด แล้วแต่ละคนเข้าไปช่วยแล้วถูกดูดไปทั้งหมด

ด้านนางสุดสงวน สุวรรณรัตน์65 ปี ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเล่าว่า เคยมีแม่พาลูกมาเล่นน้ำแล้วจมหายบริเวณนั้น 3 คนพร้อมๆกัน ต่อมาประมาณ 2 ปี ระหว่างมีการสร้างสะพานเชื่อมจังหวัดบุรีรัมย์กับสุรินทร์ จุดนี้ คนงานก่อสร้างที่ทำงานอยู่ จมน้ำในลักษณะเดียวกันตาย 4 คนพร้อมกัน และมาครั้งนี้มาตายอีก 5 ศพ

ส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะเป็นกุดน้ำอาถรรพ์ เพราะทุกครั้งจะตายหมู่ทั้งหมด และเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆที่ช่วงนี้น้ำไม่ลึก โดยเฉพาะทรายมีลักษณะดูดคน เคยมีคนเอาช้างมาเลี้ยงจุดนี้ คนเลี้ยงช้างบอกว่าช้างเกือบเอาตัวไม่รอดเพราะทรายดูด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในงานศพที่ญาตินำมาตั้งบำเพ็ญไว้ที่สำนักสงฆ์ บูรพาราม ม.2 บ้านกระสังใต้ ต.กระสัง อ.สตึก ยังเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีชาวบ้านมาให้กำลังใจญาติไม่ขาดสาย โดยจะมีการฌาปนกิตพร้อมกันในวันที่ 17 ธ.ค. พ่อจะเผาในเมรุ ส่วนลูกและหลานจะเผาแบบเชิงตะกอน

ธีรยุทธ์ ชำนาญกอง ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จ.บุรีรัมย์

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ