วันที่ 6 ธ.ค.66 นายชัยสิทธิ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 70 ปี อดีตข้าราชการระดับสูง กรมหนึ่ง ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชาว ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า หลังจากอายุครบ 70 ปี ได้สิ้นสุดวาระการทำหน้าที่ผู้พิพากษาศาลสมทบ จึงนำเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ที่กรมดังกล่าว มอบให้เมื่อ 20 ปี ก่อน ส่งมอบคืนให้หน่วยงานในระดับกรมฯ ตามหลักเกณฑ์ ซึ่งปกติข้าราชการจะคืนเครื่องราชฯ เมื่อเกษียณอายุราชการหรือลาออก แต่สำหรับตนต้องทำหน้าที่ผู้พิพากษาศาลสมทบฯ จึงนำเครื่องราชฯ ไปมอบคืนเมื่ออายุครบ 70 ปี แต่เจ้าหน้าที่ผู้รับมอบตรวจสอบแล้ว แจ้งว่าเครื่องราชฯ ที่ตนครอบครองและใช้ประดับบนเครื่องแบบมานานหลายสิบปีเป็นของปลอม เนื่องจากไมมีการประทับตราของสำนักนายกรัฐมนตรีบนเครื่องราชฯ ดังกล่าว

ทั้งนี้ ยืนยันว่า ได้รับเครื่องราชฯดังกล่าวมาจากกรมฯ จริง ไม่ได้ซื้อมาประดับเอง หากเครื่องราชฯ ที่รับมอบเป็นของปลอม เมื่อเสียชีวิตบุตรหลานจะต้องเสียเงินชดใช้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหมื่นบาท ซึ่งส่วนตัวแปลกใจที่ 20 ปี ก่อนมีการผลิตเครื่องราชฯ ปลอมมามอบให้ข้าราชการได้อย่างไร ขณะที่ส่วนตัวครอบครองและประดับของปลอมบนเครื่องแบบมานานกว่า 30 ปี เมื่อสอบถามถึงสารบบเก่ากับเจ้าหน้าที่ เพื่อขอตรวจสอบกับบุคคลที่รับเครื่องราชฯ รุ่นเดียวกัน เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ เนื่องจากผ่านมานานหลายสิบปี

หากผมหรือทายาทต้องชดใช้ ก็จะไม่ให้อภัยและสาปแช่งบุคคลที่ส่งของปลอมให้ และจากกรณีนี้ขอให้เป็นบทเรียน เป็นกรณีศึกษา ขอให้เพื่อนข้าราชการตรวจสอบเครื่องราชฯที่ได้รับพระราชทานทุกชั้นทั้งของใหม่และเก่า เพราะไม่น่าเชื่อว่าจะมีการทำของปลอมขึ้นมา เพื่อมอบให้กับข้าราชการใช้ประดับบนเครื่องแบบที่เข้าร่วมงานพิธีสำคัญ ส่วนเครื่องราชฯของจริงมีใครเอาใช้ประโยชน์อย่างไรขอให้ผู้มีอำนาจตรวจสอบให้ถึงที่สุด นายชัยสิทธิ์ กล่าว