
จับ 2 หนุ่มแสบ หลอกเหยื่อเคลียร์คดีกองปราบปราม
กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พร้อมเจ้าหน้าที่ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหา ๒ ราย ดังนี้
1. นายภาณุรักษ์หรือปาล์ม อายุ 29 ปีผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติ มิชอบกลาง ที่จ.178/2566 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566
2. นายธเนศ หรือโอ๋ อายุ 43 ปีผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ กลาง ที่จ.183/2566 ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจหรือได้จูงใจเจ้าพนักงาน โดยทุจริตหรือผิดกฎหมายหรือโดยอิทธิพลของตนให้กระทำการหรือไม่กระทำการในหน้าที่อันเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลใด, ร่วมกันกรรโชก และร่วมกันฉ้อโกง
จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า นายธเนศ หรือโอ๋ (ผู้ต้องหาที่ ๒) มีหมายจับติดตัวอีก 1 หมายจับ คือ หมายจับศาลแขวงนนทบุรีที่ 431/2565 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ยักยอกทรัพย์” พร้อมตรวจยึด รถยนต์๑ คัน ซึ่งอยู่ในครอบครองของผู้ต้องหาที่ ๒
สถานที่จับกุม ผู้ต้องหาที่ 1 จับกุมได้ที่ ปากซอยจตุโชติ 20 ถนนจตุโชติแขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ
ผู้ต้องหาที่ 2 จับกุมได้ที่ ลานจอดรถอะพาร์ตเมนต์ ถนนลาดพร้าววังหิน แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ
พฤติการณ์สืบเนื่องจากเมื่อประมาณเดือน ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม ได้ร่วมกันบูรณาการดำเนินการจับกุมกลุ่มคนร้ายที่ได้ร่วมกันปลอมป้ายภาษีรถยนต์และปลอมแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ จนสามารถตรวจยึดรถยนต์หรูได้จำนวนหลายสิบคัน ในหลายพื้นที่ทั่ว ประเทศ
ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.๔ บก.ป. (ชุดตรวจยึด) ตรวจยึดรถยนต์ผิดกฎหมายดังกล่าวได้ เเล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจยึดจึงได้นำส่งรถยนต์ผิดกฎหมายไปยังพนักงานสอบสวน กก.๖ บก.ป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาเมื่อประมาณ ได้มีกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างว่ารู้จักกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม อ้างว่าสามารถช่วยเหลือทางคดีและขอคืนรถยนต์ที่ตรวจยึดในคดีก่อนหน้านี้ให้ได้ โดยมีนายภาณุรักษ์ฯ (ผู้ต้องหาที่ 1) เป็นผู้ติดต่อไปหาผู้เสียหาย พูดคุยแอบอ้างในลักษณะดังกล่าว โดยอ้างว่า จะต้องเสียค่าดำเนินการเป็นเงินจำนวน 1,000,000 บาท ซึ่งในการพูดคุยหลอกลวงผู้เสียหายนี้ ผู้ต้องหาที่ ๑ ได้กระทำร่วมกันกับนายธเนศฯ (ผู้ต้องหาที่ 2) โดยหลอกลวงผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ ให้ผู้เสียหายพูดคุยผ่านกลุ่มไลน์ที่ผู้ต้องหาทั้งสองสร้างขึ้น จนภายหลังผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงโอนเงิน ค่าดำเนินการให้ก่อนครั้งแรกเป็นเงินจำนวน 100,000 บาท โดยผู้เสียหายได้นำเงินสดฝากเข้าบัญชีธนาคาร ของผู้ต้องหาที่ 1 และเงินส่วนที่เหลือได้มีการตกลงกันว่าจะชำระให้ในภายหลัง แต่ต่อมาผู้เสียหายเริ่มสงสัยใน
พฤติกรรมของกลุ่มผู้ต้องหา จึงได้ติดต่อสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. (ชุดตรวจยึด) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป. จนทราบว่าคดีที่ตรวจยึดรถยนต์ดังกล่าวอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายตามปกติไม่มีการดำเนินการให้การช่วยเหลือทางคดีหรือกระทำการโดยมิชอบในลักษณะที่ผู้เสียหายถูกหลอกลวง ภายหลังผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหา
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. และ กก.6 บก.ป. จึงได้ร่วมกันสืบสวนสอบสวนจนสามารถ รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย
กระทั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ลงพื้นที่จับกุมนายภาณุรักษ์ฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) โดยจับกุมได้บริเวณถนนจตุโชติเขตสายไหม กรุงเทพฯ และในวันที่ 30 พ.ย. 2566 สามารถจับกุมนายธเนศหรือโอ๋ (ผู้ต้องหาที่ ๒) ได้บริเวณถนนลาดพร้าววังหิน เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ พร้อมตรวจยึดรถยนต์ได้อีก จำนวน 1 คัน หลังจากนั้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามคำให้การผู้ต้องหาในเบื้องต้น ผู้ต้องหาที่ 1 ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 ให้การภาคเสธ โดยรับว่าได้มีการร่วมพุดคุยกันในการหลอกลวงผู้เสียหายจริง แต่ตนไม่รู้เห็น เรื่องการรับเงินจากผู้เสียหาย
ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม ทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสองอยู่ในกลุ่มเครือข่ายค้ารถยนต์มือสองและรถหลุดจำนำ โดยเมื่อผู้ต้องหาทั้งสองทราบว่าผู้เสียหายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามตรวจยึดรถยนต์ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ผู้ต้องหาทั้งสองจึงอาศัยโอกาสดังกล่าว สร้างเรื่อง แอบอ้างว่ารู้จักกับเจ้าหน้าที่
วุฒิไกร พิมพ์เงิน ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์