
บุกทลายโกดัง แก๊งพัสดุหลอกเก็บเงินปลายทาง ฟันเหนาะ ๆ เดือนละล้าน
วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สอท.2 สนธิกำลังกรมศุลกากร และบก.ตม.1 นำหมายค้นเข้าตรวจสอบบริษัทแห่งหนึ่ง ในซอยสะแกงาม 14 เขตบางขุนเทียน ซึ่งเป็นโกดังสินค้าให้เช่าขนาดใหญ่ เจ้าหน้าที่ได้แสดงหมายค้นเข้าตรวจสอบ พบนางบี (นามสมมุติ) อายุ 64 ปี และนายเอ (นามสมมุติ) ผู้ดูแล จึงแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และคุมตัวไว้ อีกทั้งได้คุมตัวบุคคลต่างด้าวกว่า 20 คน ขณะกำลังนั่งแพคสินค้า
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าบุคคลต่างด้าวทั้ง 20 คน บางส่วนมีหนังสือเดินทางเข้ามาอย่างถูกต้องบางส่วนไม่มีเอกสารยืนยันตัวบุคคล นอกจากนี้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดของกลางเป็นกล่องพัสดุและสินค้าจำนวนมากกว่า 3 หมื่นชิ้น จึงได้ทำการตรวจยึดไว้
การเข้าจับกุมครั้งนี้ เนื่องจากมีการรับแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผ่านเว็บไซต์ พบว่า ประเภทคดีที่สร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชนมากที่สุดคือ หลอกขายของออนไลน์ โดยสถิติตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.-31 ต.ค. มีการแจ้งความ 3 .5 แสนราย เป็นเรื่องของการหลอกซื้อสินค้า 1.4 แสนราย
กระทั่งพบว่ามีขบวนขายสินค้า แล้วหลอกเก็บเงินปลายทาง และทราบว่ามีพัสดุถูกส่งมาจากโกดังที่เข้าตรวจค้นแห่งนี้ จึงรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายค้นเพื่อเข้าตรวจสอบและจับกุมผู้ต้องหาและผู้ร่วมขบวนการ
จากแนวทางการสืบสวน พบว่าขบวนการนี้มีชายชาวจีน เป็นผู้เช่า ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามตัว และจะใช้โกดังเป็นสถานที่แพ็กสินค้าใช้วิธีการเก็บสินค้าไว้ที่โกดัง แต่จะใช้วิธีนำสินค้ามาครั้งละ 3 หมื่นชิ้น เพื่อให้คนงานแพคสินค้าและติดลาเบล ก่อนขนย้ายเพื่อกระจายส่ง โดยเฉลี่ยแล้วในการส่งแต่ละครั้งจะมีการตีคืนพัสดุ 2.5 หมื่นกล่อง ส่งสำเร็จ 5 พันกล่องคิดเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ มูลค่าความเสียหาย 1 ล้านบาท โดยทำมากว่า 1 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้มีใช้โกดังย่านบางกระดี่ ก่อนย้ายที่ตั้งมาที่โกดังแห่งนี้
โดยการจับกุมผู้ต้องหาแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1.ผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่เฝ้าโกดัง จำนวน 2 ราย ส่วนที่ 2. คือคนงานที่ทำงานอยู่ภายในโกดังประมาณกว่า 20 คน ตรวจสอบพบว่าไม่มีพาสปอร์ต 18 คน จึงแจ้งข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ส่วนที่ 3 คือบุคคลตามหมายจับ ซึ่งส่วนนี้ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้งว่าเป็นเจ้าของ หรือรับหน้าที่ในส่วนใดของขบวนการ
ข้อมูล fm91bkk