แม่น้ำตาคลอ ใครๆก็บอกลูกตาย ถึงขั้นเตรียมจัดงานศพ สุดท้ายมีชื่อโผล่เป็นตัวประกันไทยที่ถูกปล่อยตัว

แม่น้ำตาคลอ ใครๆก็บอกลูกตาย ถึงขั้นเตรียมจัดงานศพ สุดท้ายมีชื่อโผล่เป็นตัวประกันไทยที่ถูกปล่อยตัว

ที่ บ้านโป่งแค ต.ด่านช้าง อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู ซึ่งเป็นที่นาและไร่อ้อยของ นางทองส่วน ภูมี อายุ 57 ปี ชาวหนองบัวลำภู แม่ของ นายวิฑูรย์ ภูมี อายุ 33 ปี แรงงานไทย 10 คนแรกที่ได้รับการปล่อยตัวจากกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

โดยนางทองส่วน บอกว่า ได้รับแจ้งจากญาติที่เป็นเสมือนพี่สาวที่คอยติดตามข่าวหา นายวิฑูรย์ มาอย่างต่อเนื่องว่า หนึ่งในคนงานไทยที่ถูกปล่อยตัว 10 คนแรกนั้น มีลูกชายตัวเองอยู่ด้วยคืนนั้นทั้งตกใจดีใจร้องไห้

โดยพี่สาวบอกได้วีดีโอคอล พูดคุยกับน้องแล้ว น้องมีสภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่ได้ถูกจับทรมาน ได้กินข้าว กินน้ำตามปกติ ก็เลยสบายใจ ความรู้สึกในตอนนี้ดีใจที่สุด เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ เชื่อคำว่า สวรรค์มีจริง ที่ลูกรอดชีวิต

เพราะก่อนหน้านี้ตอนนั้น หลายคนรวมทั้งเพื่อนลูกชายที่อยู่ใน คิบบุตส์ เนียร์ ออซ (Kibbutz Nir Oz) เดียวกันที่รอดชีวิตมาก่อนนั้น 3 คน ก็บอกว่าลูกชายเสียชีวิตแล้วเพราะว่าไม่ได้เห็นกัน จนถึงกับไปยืมเต็นท์สิ่งของมากางเตรียมจัดงานศพ และส่งของงานศพต่างๆมาเตรียมไว้หลายวัน จนสุดท้ายต้องเอาไปคืน เพราะหลังจากตรวจดีเอ็นเอ แล้วไม่พบว่ามีลูกชายเสียชีวิตและทางสถานทูตได้แจ้งมาว่า ถูกจับเป็นตัวประกันแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าจะอยู่อย่างไร กินอย่างไร ได้กินข้าว กินน้ำ ทรมานหรือไม่ เมื่อทราบจากพี่สาวว่าเขาดูแลลูกชายปลอดภัยไม่ถูกจับทรมานก็สบายใจ ตอนนี้ก็ทำไร่อ้อย นอนอยู่นา เลี้ยงควายดำ 2 ตัว ที่ลูกชายส่งเงินมาซื้อไว้ให้เลี้ยง รอลูกชายกลับมา

นางทองส่วน บอกอีกว่า ลูกชายเล่าว่าตอนถูกจับไปนั้น กำลังนอนอยู่ บอกว่าไม่เห็นใคร เมื่อเลิกงานมาแล้วก็นอนเลย พอตอนเช้ามีเสียงปืนและเสียงคนบุกเข้ามา นำผ้ามาคลุมหัวและนำตัวออกไปในอุโมงค์ใต้ดินในฉนวนกาซา ขณะนั้นก็มีเสียงคนร้องบอกว่า ไทยแลนด์ ๆ ไม่ให้ฆ่า เขาก็ไม่ฆ่า เขาก็อุ้มไปที่ฉนวนกาซาเลย โทรศัพท์ก็ไม่ได้ถือไปเลย พร้อมทั้งได้บอกว่า อีก 2-3 วัน คงจะได้กลับบ้านฝากบอกแม่ด้วยไม่ต้องร้องไห้

นางทองส่วน ผู้เป็นแม่บอกเล่าพร้อมเสียงหัวเราะ รอยยิ้มที่ถึงลูกชายที่เล่าผ่านพี่สาวให้ฟัง ในช่วงที่ หลังจากติดต่อกับลูกชายไม่ได้ ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ทั้งไปหาหมอดู หาพระ ไปบนบานไว้ตามสถานที่ต่างๆ ขอให้ได้ลูกชายกลับมา หากตายก็ขอให้เห็นศพได้นำศพกลับมาทำบุญที่บ้าน แต่หากไม่ตายก็ขอให้ได้เดินมา ขอให้ปลอดภัย ไปหาหมอดู หลายแห่งก็บอกว่า ลูกชายตายแล้ว แต่ไปหาพระอาจารย์ที่วัดแห่งหนึ่ง ก็บอกว่าลูกชายไปกับคณะใหญ่ถ้าทหารช่วยได้ก็รอดชีวิต และก็ได้บนไว้ที่นี่ด้วย หลังลูกชายกลับมาก็จะได้ไปแก้บน และจัดพิธีบายศรีสู่ขวัญพร้อมกับจะให้บวช สะเดาะเคราะห์รับชีวิตใหม่แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะไปบวชที่ไหน

ด้านนายมานะ ภูมี ซึ่งเป็นพ่อได้บอกกับภรรยาตลอดว่าลูกไม่ตายเชื่อมั่นมาอย่างนั้นตลอด คิดว่าลูกไม่ตายโอกาสรอด 70 เปอร์เซ็นต์ ตายเพียง 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น พอทราบข่าวว่าลูกรอดชีวิตก็ยังได้บอกกับภรรยาว่า เชื่อไหมว่าลูกไม่ตาย

ด้านเด็กหญิงจิราภรณ์ อายุ 12 ปี น้องสาวของงแรงงานคนดังกล่าว ซึ่งโทรศัพท์พูดคุยกับพี่ชายเป็นประจำก็บอกว่า ไม่คิดว่าพี่ชายจะรอดชีวิตกลับมา เมื่อรู้ข่าวก็รู้สึกดีใจมากเช่นกัน เพราะได้คุยกับพี่ชายครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2566 จากนั้นเมื่อเกิดเหตุก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ