ทลายแก๊งค้ารถหลุดจำนำ รวบเกือบยกแก๊ง

ทลายแก๊งค้ารถหลุดจำนำ รวบเกือบยกแก๊ง

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหาจำนวน 7 ราย

1. นายจูหลิน ฯ (บอย) อายุ 40 ปี ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันยักยอก หรือรับของโจร”

2. นายณัฐวัฒน์ ฯ (โอ) อายุ 44 ปี ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันยักยอก หรือรับของโจร”

3. นายศุภชัย ฯ (เก้า) อายุ 39 ปี ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันยักยอก หรือรับของโจร”

4. นายภูตะวัน อายุ 43 ปี ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันรับของโจร โดยได้กระทำเพื่อค้ากำไร”

5. นายนิธิพัฒน์ ฯ (ไวท์) อายุ 32 ปี ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันรับของโจร โดยได้กระทำเพื่อค้ากำไร”

6. น.ส.ปทิตา (แยม) อายุ 37 ปี ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันรับของโจร โดยได้กระทำเพื่อค้ากำไร”

7. น.ส.ภัทราภรณ์ ฯ (หญิง) อายุ 37 ปี ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ปลอม หรือใช้เอกสารราชการปลอม ,ครอบครองอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน และพา อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไปในหมู่บ้านในเมืองหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงประมาณเดือนสิงหาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจกก.1 บก.ป. ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่าประมาณเดือนกรกฎาคม รถยนต์ ยี่ห้อ โตโยต้า ยิริส สีดำ ของตนเองได้ถูกเช่าไปโดย นายภูตะวัน ฯ จากนั้นนายภูตะวันฯ ได้ทำการเชิดรถไป ไม่นำมาคืน ผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ต่อมาผู้เสียหายได้พบรถยนต์คันดังกล่าวถูกโพสต์ประกาศขายบนเพจเฟซบุ๊กชื่อ “นางฟ้า รถหลุดจำนำ” ลักษณะน่าจะเป็นเครือข่ายค้ารถยนต์หลุดจำนำอย่างผิดกฎหมาย จึงมาติดต่อขอความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยติดตามทรัพย์คืน และจับกุมคนร้ายผู้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดมาดำเนินคดี

ต่อมาตำรวจ กก.1 บก.ป. จึงได้วางแผนล่อซื้อรถยนต์คันดังกล่าว กับเพจ “นางฟ้า รถหลุดจำนำ” นัดหมายสถานที่ส่งมอบรถกันที่บริเวณลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร เมื่อถึงเวลานัดหมายส่งมอบรถ คนร้ายได้นำรถคันดังกล่าวมาให้สายลับตรวจดูก่อนทำการซื้อขาย กระทั่งแน่ใจว่าเป็นรถยนต์ของผู้เสียหายที่แจ้งหายไว้ จึงส่งสัญญาณ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าแสดงตัว และทำการจับกุมตัวกลุ่มคนร้าย พร้อมกับยึดรถคันดังกล่าวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด เจ้าของคดี เพื่อนำส่งคืนให้กับผู้เสียหาย โดยขณะนั้นจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย ได้แก่ นายบอย, นายเก้า และนายโอ ในข้อหา ร่วมกันยักยอกทรัพย์หรือรับของโจรฯ แต่ไร้ร่องรอยของตัวนายภูตะวันฯ ผู้เช่ารถคันดังกล่าวมาจากผู้เสียหาย

จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ทำให้ทราบข้อมูลว่าเครือข่ายคนร้ายที่กระทำความผิดเกี่ยวกับการซื้อขายรถยนต์หลุดจำนำนั้น จะมีการส่งต่อลูกค้ากินหัวคิวกันหลายทอด โดยแต่ละทอดก็จะมีนายหน้าหักค่าคอมมิชชั่น มีลักษณะเป็นเครือข่ายใหญ่ที่เชื่อมโยงกันด้วยผลประโยชน์ทางการเงิน มีการแบ่งหน้าที่กันทำต่างกันไป เช่น นายทุนที่รับรถหลุดจำนำมาเพื่อปล่อยค้ากำไร, นายหน้าหาลูกค้า, คนทำเพจประกาศขายรถทางออนไลน์, คนหารถป้อนเข้าสู่ขบวนการ และช่างรับถอด GPS เป็นต้น

ในคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจบก.ป. สามารถสืบขยายผลไปยังคนร้ายผู้ร่วมก่อเหตุได้อีก 4 ราย คือ นายไวท์, นายโจ, นายตฤณ และนางสาวแยม ฯ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน กระทั่งศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 4ราย ในข้อหา“ร่วมกันรับของโจร โดยได้กระทำเพื่อค้ากำไร”และสืบสวนขยายผล รวมทั้งติดตามตัวมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน

จนล่าสุด นำมาสู่การเปิดปฏิบัติการทลายเครือข่ายรถหลุดจำนำดังกล่าว สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่มเติม รวมถึงตัวนายภูตะวันฯ คนต้นเรื่อง และเป็นผู้เช่ารถคันของผู้เสียหายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการล่อซื้อติดตามคืนมาก่อนหน้านี้ จึงนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนของนายโจ หรือนายบรรจงฯนั้น เคยถูกจับกุม และตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ขณะที่นายตฤณฯ อยู่ระหว่างการเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี พร้อมเตรียมขยายผลในเครือข่ายนี้ทั้งหมดต่อไป

ทั้งนี้ระหว่างการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจบก.ป. โดยเฉพาะคืนก่อนหน้าวันเปิดปฏิบัติการระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของนายไวท์ หนึ่งในผู้ต้อง และยังเป็นนายทุนซื้อขายรถยนต์รายสำคัญ ในขบวนการนี้ เจ้าหน้าที่พบว่านายไวท์มีการปล่อยขายรถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีเทา ให้กับลูกค้าหญิงรายหนึ่งที่นั่งเครื่องบินมาจากจังหวัดอุดรธานี หลังจากซื้อรถไปแล้วได้ขับขี่มุ่งหน้าไปทางพื้นที่ภาคอีสาน โดยผ่านเส้นทางดังนี้ ไปจ.นครราชสีมาไปยังจังหวัดขอนแก่น ต่อไปยังจังหวัดอุดรธานี ซึ่งจากการวิเคราะห์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่ามีโอกาสที่จะมุ่งหน้าข้ามแดนไปสู่ประเทศลาว

ทางกก.1 บก.ป. จึงประสานกับกก. 3 บก.ป. ซึ่งรับผิดชอบและมีความชำนาญในพื้นดังกล่าว ให้สะกดรอยติดตามรถคันดังกล่าวไป กระทั่งในเช้าของวันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. เข้าตรวจสอบรถคันดังกล่าว ภายในร้านค้ายางรถยนต์แห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี มีนางสาวหญิง แสดงตัวเป็นเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าว ผลการตรวจสอบพบว่ารถคันดังกล่าวใช้แผ่นป้ายทะเบียนปลอม และยังตรวจพบอาวุธปืนรีโวลเวอร์ จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนอีกหลายนัดด้วย จึงจับกุมตัวนางสาวหญิง พร้อมตรวจยึดของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดร พื้นที่รับผิดชอบ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

วุฒิไกร พิมพ์เงิน ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ