หนุ่มหลงรักแม่หมายลูกติด พาไปออกรถกระบะ 4 ประตูป้ายแดง สุดท้ายโดนหลอกขับรถหนีไปต่อหน้าต่อตา

หนุ่มหลงรักแม่หมายลูกติด พาไปออกรถกระบะ 4 ประตูป้ายแดง สุดท้ายโดนหลอกขับรถหนีไปต่อหน้าต่อตา

เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 66 เวลา 15.30น.นายบัญชา ศรีบุญรอด อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่47 หมู่5 ต.หนองบัวแดง อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ เดินคอตกทำหน้าเศร้าขึ้นโรงพัก สภ.เมืองชัยภูมิ รุดเข้าแจ้งความต่อพ.ต.ต.จิตติพัฒน์ คำรังศรี สว.สอสวน สภ.เมืองชัยภูมิว่าถูกนางสาวพันทิวา เวียงนนท์ อายุ 33ปี ที่รู้จักทางเฟซบุ๊กได้ 2 สัปดาห์ โดยฝ่ายหญิงได้โพดข้อความผ่านเฟซบุ๊ก อ้างว่า อยากรู้จักคบหาและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับตน โดยโฟสเฟซบุ๊กคุยกันกับตนมานานนับ 2 สัปดาห์ จึงนัดเจอกัน ในตัวเมืองชัยภูมิ และได้ไปอยู่กินกันได้เพียง 3 วัน ทางนางสาวพันทิวา เวียงนนท์ อายุ 33ปีฝ่ายหญิง จึงช่วนนายบัญชาฯแฟนหนุ่มไปดูรถฯที่ศูนย์โตโยต้าคุณวาสี สาขาชัยภูมิ ถนนชัยภูมิบ้านเขว้า ตงในเมือง อ.เมือง จชัยภูมิ พร้อมกับขอให้นายบัญชา ศรีบุญรอด อายุ 47 ปีฝ่ายชายช่วยออกรถยนต์กระบะ4ประตูให้ เพราะจะได้ใช้รถยนต์ในการขนส่งสินค้าอาหารจำพวกขนมปั่งฟูดเค้ก ไปค้าขายตามสถานที่ต่างในต่างอำเภอ

โดยฝ่ายหญิงจะเป็นผู้ออกเงินดาวในเบื้องต้นให้ ส่วนเงินผ่อนทั้งคู้จะหาเงินรวมกันมาผ่อนค่างวด ด้วยความรักความหลง จึงทำให้นายบัญชาฯตัดสินใจดาวน์รถกระบะโตโยต้า 4 ประตู ใหม่ป้ายแดง ที่ศูนย์โตโยต้าคุณวาสี ถ.ชัยภูมิ ต.ในเมือง จ.ชัยภูมิ ในราคารถ 800,000 กว่าบาท โดยวางเงินดาวน์ 100,000 บาท ผ่อนเบ็ดเสร็จแล้วตกล้านกว่าบาท ส่วนนายบัญชา ได้ออกเงินมัดจำป้ายแดงไว้ 2,0000บาท หลังทำสัญญาผ่อนกับไฟแนนและทำพิธีเจิมรถเอาฤกษ์เอาชัย พร้อมกับรับมอบรถยนต์จากศูนย์ไป ปรากฏว่านางสาวพันทิวา เวียงนนท์ อายุ 33ปี ฝ่ายหญิงได้ขึ้นไปขับรถฯหลบหนีออกจากศูนย์ไปต่อหน้าต่อตา โดยนายบัญชาฯ ฝ่ายชายพยายามขับรถติดตาม แต่ก็ไม่ทัน จึงเข้าหอบหลักฐานเข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม เพื่อเอาผิดด้วยความเคียดแค้น

หลังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชัยภูมิ ได้รับเรื่องแล้ว จึงรีบประสานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุดรธานี เพื่อช่วยตามหานางสาวพันทิวา เวียงนนท์ อายุ 33ปี ฝ่ายหญิงตามข้อมูลทะเบียนบ้านและนายบัญชาญ ฝ่ายชาย ได้ขับรถฯติดตามฝ่ายหญิงไปจนถึงบ้านเกิดที่อุดรธานี แต่ก็ไม่เจอทั้งรถทั้งคน จึงรู้ว่าถูกหลอกแน่แล้ว จึงได้โพสข้อความพูดคุยแชตกันผ่านไลน์ เพื่อขอร้องให้นางสาวพันทิวา เวียงนนท์ อายุ 33ปี นำรถฯกลับมาคืนให้เพราะชื่อที่ทำสัญญาซื้อขายรถฯนั้นเป็นชื่อของนายบัญชา ต่อมาทางนางสาวพันทิวา เวียงนนท์ อายุ 33ปี ฝ่ายหญิงขอให้นายบัญชาฯโอนเงินมาให้ 30,000 บาท เพื่อแลกกับการนำรถคันดังกล่าวกลับมาคืนให้ พร้อมกับต่อว่าฝ่ายชายว่าไม่รักจริง ไม่กล้าเสียสละ แต่ฝ่ายชายไม่เชื่อใจแล้ว คิดว่าน่าจะถูกฉ้อโกง จึงนำหลักฐานรุดเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับฝ่านหญิงที่ สภ.เมืองชัยภูมิในเวลาต่อมาดังกล่าว

โดยนายบัญชา ศรีบุญรอด อายุ 47 ปีหนุ่มรักษาความปลอดภัยธนาคารกรุงไทย สาขาหนองบัวแดง ผู้เสียหายตีหน้าเศร้ากล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าเมื่อตนขับรถฯตามหานางสาวพันทิวา เวียงนนท์ อายุ 33 ปี ไปถึงบ้านเกิดอยู่เลขที่ 92/1 หมู่2 ต.บ้านจัน อ.เมือง จ.อุดรธานี แต่ก็ไม่พบตัวนางพันทิวฯและรถกระบะค้นใหม่ที่เพิ่งออกมาด้วยกันเมื่อสอบถามญาติพี่น้องทางฝ่ายหญิงทราบว่านางสาวพันทิวาฯมีสามีแล้วและลูกติดอยู่2คนนานๆจะกลับมาบ้านสักครั้ง นายบัญชาฯถึงกับหน้าชารู้ทันที่ได้ว่าถูกหลอกจึงได้โพสข้อความพูดคุยแชตกันผ่านไลน์ เพื่อขอร้องให้นางสาวพันทิวา เวียงนนท์ อายุ 33ปี นำรถฯกลับมาคืนให้เพราะชื่อที่ทำสัญญาซื้อขายรถฯนั้นเป็นชื่อของนายบัญชา ต่อมาทางนางสาวพันทิวา เวียงนนท์ อายุ 33ปี ฝ่ายหญิงได้ตอบกลับมาบอกว่าขอให้นายบัญชา โอนเงินมาให้ 30,000 บาท เพื่อแลกกับการนำรถคันดังกล่าวกลับมาคืนให้ พร้อมกับต่อว่าฝ่ายชายว่าไม่รักจริง ไม่กล้าเสียสละ แต่ฝ่ายชายไม่เชื่อใจแล้ว คิดว่าน่าจะถูกฉ้อโกงแน่ จึงเดินทางกลับก่อนนำหลักฐานต่างๆรุดเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับฝ่านหญิงที่ สภ.เมืองชัยภูมิ เพื่อเอาผิดกับนางสาวพันทิวา อายุ 33 ปี ฝ่ายหญิงทั้งที่ตัวเองทั้งรักทั้งแค้นและจึงบอกผ่านสื่อว่าขอให้ฝ่ายหญิงเอารถมาคืนโดด่วนด้วยเพราะรถคันดังกล่าวทำสัญญาซื้อขายจดจำนองกับบริษัทไฟแนนเป็นชื่อตน ตนต้องผ่อนรถฯไปอีกหลายปีและจะต้องสูนเงินไปอีกนับล้านบาทโดยไม่ได้ใช้รถและยังต้องเป็นหนี้อีก ตนจึงขอบอกผ่านสื่อด้วยว่าให้ให้นางพันทิวา รีบนำรถมาคืนด้วยพร้อมจะให้อภัยในทุกเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นส่วนตนก็ยังรักนางสาวพันทิวา อยู่แต่ต้องจำใจแจ้งความดำเนินคดีด้วยความแค้นดังกล่าว

สมศักดิ์ ชุ่มหมื่นไวย์ ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จ.ชัยภูมิ

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ