นาทีชีวิต! คลื่นซัดเด็กหญิงวัย 13 ตกทะเล แต่เด็กมีสติและใจสู้ ลอยคอนาน 1 ชม. รอดปฏิหาริย์

นาทีชีวิต! คลื่นซัดเด็กหญิงวัย 13 ตกทะเล แต่เด็กมีสติและใจสู้ ลอยคอนาน 1 ชม. รอดปฏิหาริย์

เมื่อช่วงเที่ยงวานนี้ (17 พ.ย. 2566) เกิดเหตุเด็กหญิงอายุประมาณ 12 - 13 ปี ถูกคลื่นซึ่งมีกำลังแรงซัดตกจากแนวสันเขื่อนกันคลื่นบริเวณชายหาด หาดแก้วจุลดิศ พื้นที่หมู่ 2 ต.ชิงโค อ.สิงหนคร จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองสิงหนคร พร้อมหน่วยกู้ชีพเทศบาลเมืองสิงหนคร เจ้าหน้าที่งานเทศกิจ เจ้าหน้าที่ สำนักปลัด ทีมผู้บริหาร เจ้าหน้าที่จากกรมชลประทาน และตำรวจสภ.สิงหนคร รีบลงพื้นที่ไปตรวจสอบเหตุการณ์และช่วยเหลือทันที

ที่เกิดเหตุพบเด็กหญิงถูกคลื่นซัด และพัดพาลงไปในทะเลห่างจากฝั่งประมาณ 30 เมตร แต่เด็กหญิงคนนี้ยังมีสติดี พยายามพยุงตัวหงายหน้าให้ลอยอยู่ในทะเล ท่ามกลางคลื่นแรงที่ซัดตลอดเวลา เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยจึงพยายามช่วยเหลือโดยโยนแกลลอน และเสื้อชูชีพพร้อมกับเชือกและสายเบลท์ลงไปให้ จนเด็กหญิงคนนี้สามารถจับเชือกได้ และช่วยกันดึงร่างกลับเข้าฝั่ง

แต่ก็ไม่ง่ายเนื่องจากพอตัวเด็กหญิงคนนี้ใกล้ถึงแนวเขื่อนกั้นคลื่น ก็ถูกคลื่นซัดกลับลงไปในทะเลหลายรอบ เพราะคลื่นที่ซัดเข้ามาแรงมาก และบางช่วงทีมช่วยเหลือก็ถูกคลื่นซัดข้ามสันเขื่อนจนแทบยืนไม่อยู่เช่นกัน

แต่สุดท้ายเด็กผู้หญิงรายนี้ใจสู้มากพยายามไต่เชือก และดันตัวเองขึ้นมาให้ใกล้สันเขื่อน ทำให้ทางเจ้าหน้าที่จับมือติดดึงตัวขึ้นมาจากทะเลได้สำเร็จ เด็กหญิงรายนี้รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิดและปลอดภัยอย่างน่าเหลือเชื่อ หลังจากที่พยายามช่วยกันอยู่นานประมาณ 1 ชั่วโมง จึงรีบพาตัวส่งโรงพยาบาลสิงหนครเพื่อให้แพทย์ตรวจร่างกายอย่างเร่งด่วน

ทั้งนี้ เด็กหญิงรายนี้กับกลุ่มเพื่อนวัยเดียวกัน 5 - 6 คน ได้มาเดินเที่ยวเล่นอยู่บริเวณสันเขื่อนกันคลื่นหาดแก้วจุลดิศ แต่ปรากฏว่าได้ถูกคลื่นซัดลงไปในทะเลและพัดร่างออกไป โชคดีที่มีเด็กอีกกลุ่มที่เห็นเหตุการณ์ จึงรีบโทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือจากญาติที่ทำงานอยู่ที่ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองสิงหนคร

ก่อนการช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ เด็กหญิงคนนี้มีสติดีมากไม่ตกใจ และมีทักษะการเอาชีวิตรอดในทะเลที่ดีเยี่ยม เพราะว่าเป็นลูกของชาวประมงด้วยจึงคุ้นเคยกับทะเล และลอยอยู่ในน้ำพยุงตัวเอาไว้เพื่อไม่ให้หมดแรง จนเจ้าหน้าที่สามารถช่วยขึ้นมาได้อย่างปลอดภัยและทราบว่าตอนนี้ปลอดภัยกลับบ้านได้แล้ว

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ