เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 พ.ย.66 ที่สำนักงานทนายคู่ใจ ถ.แจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นางสิริษา บริสุทธิ์ หรือเจ๊ษา อายุ 55 ปี เจ้าของโกดังขายสินค้าในตลาดโรงเกลือรายใหญ่ใน จ.สระแก้ว พร้อมด้วยนางวันดี ลุงจาง อายุ 36 ปี ลูกน้อง เดินทางนำเอกสารหลักฐานเข้าร้องเรียนกับนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อขอให้ช่วยเหลือ หลังถูกกลุ่มมาเฟียเขมรเข้ามาซื้อสินค้าที่โกดังเกือบ 3 ล้านบาทแล้วขอจ่ายเงินค่าของแค่ 2 แสนบาท พอไม่ยอมกับยกพวกนับสิบคนบุกข่มขู่ถึงร้าน ทั้งกรีดรถยนต์ จนต้องให้ญาติที่เป็นตำรวจพาไปแจ้งความเพราะกลัวไม่ปลอดภัย แต่คดีไม่มีความคืบหน้าจึงตัดสินใจเดินทางมาร้องเรียนกับทนายรณณรงค์ให้ช่วยเหลือ

นางสิริษา หรือเจ๊ษา กล่าวว่าตนเปิดโกดังขายสินค้าที่ตลาดโรงเกลือในจ.สระแก้ว มานานกว่า 30 ปีแล้ว และยังมีร้านสาขาในต่างจังหวัดอีกกว่า 10 แห่ง โดยสาขาที่ตลาดโรงเกลือจ.สระแก้ว ตนได้ให้นางวันดี ลูกน้องเป็นคนดูแล จนมาทราบจากลูกน้องว่าได้มีกลุ่มมาเฟียเขมรเข้ามาขอซื้อสินค้าที่ร้านเป็นประจำ โดยจะมาขอสินค้าไปขายก่อนแล้วถึงจะนำเงินมาจ่ายตอนแรกก็ไม่มีอะไรนำของไปขายก็นำเงินมาจ่ายตรงตามเวลา กระทั่งล่าสุดมียอดค้างชำระอยู่เกือบ 3 ล้านบาทโดยกลุ่มมาเฟียเขมรดังกล่าวได้เข้ามาบอกกับลูกน้องว่า จะขอจ่ายเงินค่าของที่ค้างอยู่แค่ 2 แสนบาทถ้าเอาก็เอาไม่งั่นก็ไม่จ่าย ทางลูกน้องจึงโทรศัพท์มาถามตนว่าจะเอายังไงตนเลยบอกไปว่าให้เอาเงินไว้ก่อนดีกว่าไม่ได้อะไรเลย จนมีการนัดตกลงจ่ายเงินกันที่สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว ซึ่งตนเดินทางไปกับลูกนัอง ส่วนทางฝั่งมาเฟียเขมรมากัน 2 คนโดยยืนยันว่าจะจ่ายค่าสินค้าแค่ 2 แสนบาทและบังคับให้ตนฉีกทำลายบิลค่าสินค้าทั้งหมดทิ้งถึงจะยอมจ่ายเงินให้ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับเรื่องได้ห้ามเอาไว้โดยระบุในใบบันทึกประจำวันว่าได้มีการชำระเงินจำนวน 2 แสนบาทส่วนที่เหลือทางผู้เสียหายจะไปดำเนินการต่อเอง หลังจากนั้นตนจึงได้รับเงินและเดินทางกลับโดยไปส่งลูกน้องที่โกดัง แต่พอตอนเช้ามาเฟียเขมรได้ยกพวกมานับสิบคนบุกมาที่ร้านถามหาตนบอกว่าให้เอาเงินมาคืนเพราะไม่เป็นไปตามที่ตกลงว่าจ่ายเงิน 2 แสนบาทแล้วหนี้สินทั้งหมดจะหายกัน เมื่อลูกน้องบอกว่าตนไม่อยู่ที่โกดัง กลุ่มมาเฟียเขมรดังกล่าวก็ไม่พอใจยืนตะโกนด่าทอตนที่หน้าโกดัง ก่อนจะเดินทางกลับออกไปหลังจากนั้นตนก็ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนที่เป็นพ่อค้าอยู่ในตลาดโรงเกลือโทรมาบอกว่า กลุ่มมาเฟียเขมรดังกล่าวได้นำรูปภภาพตนไปไล่ถามหาในตลาดโรงเกลือพร้อมขู่ว่าถ้าเจอจะจัดการทันที่ หลังจากนั้นไม่กี่วันตนขับรถกระบะไปดูแลงานที่ร้านในตลาดโรงเกลือพอออกมาก็พบว่ารถถูกกรีดเป็นรอยยาวทั้งแถบ จึงมั่นใจว่าน่าจะเป็นฝีมือของมาเฟียเขมรกลุ่มนี้อย่างแน่นอน เพราะตนไม่เคยมีเรื่องกับใคร จึงได้เดินทางไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.คลองลึกให้ดำเนินคดีกับกลุ่มมาเฟียเขมรดังกล่าว แต่คดีไม่มีความคืบหน้าเนื่องจากมาเฟียเขมรกลุ่มนี้มีคนมีอิทธิพลเป็นคนไทยในพื้นที่คอยหนุนหลังอยู่ จึงเดินทางมาขอให้ทางทนายรณณรงค์ช่วยเหลือในเรื่องคดี

นางสิริษา หรือเจ๊ษา กล่าวว่าตอนนี้หวาดกลัวมากกลัวจะถูกทำร้ายหรืออุ้มหายตัวไป เพราะมาเฟียเขมรกลุ่มนี้มีอิทธิพลในพื้นที่มาก ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้มอบร่างกายหากเสียชีวิตไปแล้วให้กับรพ.คณะแพทย์ศาสต์รมหาวิทยาลัยขอนแก่น แต่ถ้าหากถูกอุ้มตัวหายไปก็บอกได้เลยว่าเป็นฝีมือของคนกลุ่มนี้อย่างแน่นอน

ทนายรณรงค์ กล่าวว่า ในกรณีนี้อย่างแรกต้องแจ้งความเพื่อให้มีข้อมูลในระบบก่อน เพื่อให้คำรวจในพื้นที่รวบรวมหลักฐาน แต่หากว่ามีการเกี่ยวข้องกับอิทธิพลในพื้นที่ ทางตนก็จะให้มาแจ้งความที่กองปราบแทน หากตำรวจพื้นที่ไม่สามารถทำคดีได้ มีความล่าช้า ให้ความปลอดภัยกับผู้เสียหายไม่ได้ ก็ต้องให้ทางสอบสวนกลางเข้าไปช่วย ซึ่งเคสนี้ตนเป็นห่วงเพราะทางผู้เสียหายหวาดกลัวจนต้องทำเรื่องบริจาคร่างกายรอไว้คล้ายการทำพินัยกรรมหากเสียชีวิตแล้วต้องจัดการยังไง เหตุการร์แบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับคนไทย ไม่ควรมีลักษณะของมาเฟียร์ อิทธิพล

ด้านทนายรณรงค์ กล่าวว่า ในกรณีนี้อย่างแรกต้องแจ้งความเพื่อให้มีข้อมูลในระบบก่อน เพื่อให้คำรวจในพื้นที่รวบรวมหลักฐาน แต่หากว่ามีการเกี่ยวข้องกับอิทธิพลในพื้นที่ ทางตนก็จะให้มาแจ้งความที่กองปราบแทน หากตำรวจพื้นที่ไม่สามารถทำคดีได้ มีความล่าช้า ให้ความปลอดภัยกับผู้เสียหายไม่ได้ ก็ต้องให้ทางสอบสวนกลางเข้าไปช่วย ซึ่งเคสนี้ตนเป็นห่วงเพราะทางผู้เสียหายหวาดกลัวจนต้องทำเรื่องบริจาคร่างกายรอไว้คล้ายการทำพินัยกรรมหากเสียชีวิตแล้วต้องจัดการยังไง เหตุการร์แบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับคนไทย ไม่ควรมีลักษณะของมาเฟียร์ อิทธิพล

กำพลศิลป์ วงษ์เดือน ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัด นนทบุรี