เมียเก่า-เมียใหม่ เปิดศึกชิงคาเฟดังจันทบุรี อ้างสิทธิ์บริหารร้าน สตอรี่ดุเดือดอย่างกับละคร

เมียเก่า-เมียใหม่ เปิดศึกชิงคาเฟดังจันทบุรี อ้างสิทธิ์บริหารร้าน สตอรี่ดุเดือดอย่างกับละคร

จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก สกายวิว คาเฟ @ จันทบุรี ได้โพสต์ข้อความระบุว่า สกายวิวคาเฟ ประกาศขอปิดปรับปรุงร้านชั่วคราว ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 พฤศจิกายน 2566 ทางร้านต้องขออภัยลูกค้าทุก ๆ ท่านด้วยนะครับ ขอบพระคุณครับ ซึ่งโพสต์ดังกล่าวถูกโพสต์ไว้ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2565 จากโพสต์ดังกล่าว ชาวโซเชียลได้นำมารีโพสต์และคอมเมนต์ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก

เนื่องมาจากเพจเฟซบุ๊กอีกเพจที่ใช้ชื่อว่า สกายวิวคาเฟแอนด์เรสเตอรอง ได้ทำการโพสต์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ระบุข้อความว่า ขอใช้พื้นที่ในการชี้แจงเรื่องร้าน ร้านเปิดให้บริการทุกวันนะคะ ดิฉันนางสาวศุภจิตรา (น้ำแข็ง) และยังมีน้องสาวอีก 2 คน ซึ่งเป็นบุตรของนายสงกรานต์ ได้เป็นเจ้าของร้านสกายวิวคาเฟแอนด์เรสเตอรอง ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2565 และได้ดำเนินกิจการอยู่จนถึงปัจจุบัน ร้านได้เปิดทำการทุกวัน ใครที่แอบอ้างสิทธิ์ว่าเป็นเจ้าของ ทางเราได้รวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายอยู่ค่ะ #เลิกมโนนะคะหนู เก่งจริงอย่าบล็อกค่ะ เอาความจริงมาคุยกัน ซึ่งใต้ข้อความดังกล่าว ยังได้แคปโพสต์ของอีกเพจมาลงไว้ด้วย

ด้าน เพจสกายวิว คาเฟ @จันทบุรี ก็ได้มีการโพสต์ตอบโต้ระบุว่า จะบอกว่า ตนเองชื่อนางสาวภาณิศา ชื่อเล่น มุก อยู่กินฉันสามีภรรยากับนายสงกรานต์ หรือ คุณเอส มาเป็นเวลา 11 ปี มีลูกบุญธรรม 1 คนชื่อ น้องสกาย ทั้งนี้ คุณมุก เป็นคนจังหวัดนครศรีธรรมราช ส่วนคุณเอส เป็นคนเกาะเปริด จังหวัดจันทบุรี ทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่กินด้วยกันที่จังหวัดนครศรีธรรมราช มา 8 ปี ก่อนจะกลับมาที่จันทบุรี เพื่อเปิดร้านกาแฟอยู่ริมหน้าผาที่อำเภอเกาะเปริด จังหวัดจันทบุรี ตอนปี 2562 ชื่อร้าน Sky view Cafe โดยใช้ชื่อลูกบุญธรรมเป็นชื่อร้าน

ร้านดำเนินการตามปกติเรื่อยมา จนกระทั่ง 4 พฤศจิกายน 2565 คุณเอส เสียชีวิตกะทันหันด้วยภาวะเส้นเลือดในสมองแตก หลังจากบำเพ็ญกุศลเสร็จ ทางคุณมุก ได้รับโทรศัพท์จากลูกน้องที่ร้านว่า มีคนมารอที่ร้านเพื่อทวงส่วนแบ่งมรดก โดยบอกว่าเป็นอดีตภรรยาของคุณเอส ซึ่งมีลูกสาวด้วยกัน 3 คน ซึ่งอดีตภรรยาของคุณเอส ไม่เคยติดต่อกันมานาน 13-14 ปี มีเพียงลูก ๆ ที่ติดต่อมาบ้าง แต่จู่ ๆ ก็มาทวงสิทธิ์ส่วนแบ่งมรดก แล้วพาชายฉกรรจ์มาที่ร้านจำนวนมาก

ตนเองก็กลับไปที่ร้านเพื่อพูดคุยเจรจา แต่ปรากฏว่า ทางฝั่งอดีตภรรยาคุณเอส ใช้คำพูดด่าทอ หยาบคาย ขู่ยิง ขู่ทำร้าย เพื่อให้คุณมุกออกจากพื้นที่ จ.จันทบุรี และโวยวายจะเอาร้านสกายวิวคาเฟ ให้ได้ ก่อนจะพากันขับรถกลับออกไป ซึ่งก่อนกลับยังมีการขับรถพุ่งชนรถของคุณมุกด้วย หลังจากนั้น คุณมุกจึงขับรถไปที่ สภ.เกาะเปริด เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับอดีตภรรยาคุณเอส และกลุ่มชายฉกรรจ์ ปรากฏว่าพอไปถึงที่สถานีตำรวจ ก็มีกลุ่มคนของอดีตภรรยาคุณเอส รออยู่แล้ว ตนเองเห็นท่าไม่ดีและในรถมีกันอยู่กันแค่ 3 คน คือคุณมุก, คุณมด พี่สาว และน้องสกาย ลูกบุญธรรม วัย 7 ขวบ

คุณมุก จึงรีบขับรถหนี แต่ทางกลุ่มของอดีตภรรยาคุณเอส ก็ขับรถตามมาเป็นระยะ จากเหตุการณ์นี้ คุณมุกกลับไปตั้งหลักที่บ้าน จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อตั้งหลัก และพยายามต่อสู้ทวงสิทธิ์การบริหารร้านคืน ซึ่งตั้งแต่สามีเสียชีวิต ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ตนเองไม่เคยกลับเข้าไปที่ร้านสกายวิวอีกเลย ทางอดีตภรรยาของคุณเอส เข้ามาบริหารจัดการเองทั้งหมด

กระทั่งล่าสุด มีคำสั่งจาก อ.บ.ต. เกาะเปริด ห้ามใช้อาคารหรือยินยอมให้บุคคลใดเข้าไปในส่วนใด ๆ ของอาคาร หรือบริเวณที่อาจเป็นภัยอันตราย เนื่องจากการก่อสร้างดัดแปลงอาคารดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งคำสั่งดังกล่าวออกมาเมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่า ทางอดีตภรรยาคุณเอส ยังคงเปิดกิจการอยู่

อย่างไรก็ตาม ทั้งอดีตภรรยาและคุณมุก ภรรยาปัจจุบัน ยังมีการต่อสู้ทางคดีโดยเฉพาะเรื่องสิทธิ์การครอบครองและบริหารร้าน นอกจากนี้ คุณมด พี่สาวของคุณมุก ได้เปิดเผยกับ ข่าวช่อง 3 ถึงสถานการณ์ตอนนี้ที่ต้องการเคลียร์ที่สุดคือ

1. เรื่องที่ทางฝ่ายปกครองท้องถิ่น สั่งห้ามใช้อาคารดังกล่าว ซึ่งเอกสารแจ้งมายังชื่อของนางสาวภานิสา หรือ คุณมุก น้องสาว แต่ทางอดีตภรรยาของคุณเอส ยังดำเนินการเปิดให้บริการตามปกติ ซึ่งหากเกิดเหตุอะไรขึ้นคนที่รับผิดชอบคือคุณมุกน้องสาวตนเอง

2. เรื่องสิทธิ์การครอบครองและบริหารร้านดังกล่าว ตนเอง ยืนยันว่า คุณมุก น้องสาวมีสิทธิ์ในร้านทั้งหมด เพราะชื่อการขอจดทะเบียน การเช่าที่ดิน การสั่งซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นชื่อของน้องสาวทั้งหมด

ทั้งนี้ ทีมข่าวได้มีการติดต่อไปหาอดีตภรรยาของคุณเอส ที่บริหารร้านสกายวิวอยู่ขณะนี้ เบื้องต้นบอกว่า ร้านเปิดให้บริการตามปกติ ส่วนรายละเอียดเรื่องสิทธิ์การครอบครองและบริหารร้าน ทางอดีตภรรยาของคุณเอสขอปรึกษาทางทีมทนายก่อนให้ข้อมูล หรือให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน พร้อมยืนยันว่าตนเองและลูกสาวทั้ง 3 คน มีสิทธิ์โดยชอบด้วยกฎหมาย

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ