ขุดภาพ หมอริท บริจาค ให้ รพ.ร้อยเอ็ด หลังฟาดกลับ โตโน่ โซเชียลลั่น ตัวเองทำได้ แต่คนอื่นทำไม่ได้

ขุดภาพ หมอริท บริจาค ให้ รพ.ร้อยเอ็ด หลังฟาดกลับ โตโน่ โซเชียลลั่น ตัวเองทำได้ แต่คนอื่นทำไม่ได้

ผ่านพ้นไปแล้ว สำหรับกิจกรรมว่ายน้ำข้ามโขง One Man And The River หนึ่งคนว่าย หลายคนให้ ของพระเอกหนุ่ม โตโน่ ภาคิน ต้องบอกเลยว่าหลังโตโน่ขึ้นฝั่งไทยมาได้ มีอาการเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ท่ามกลางกำลังใจที่ล้นหลามของพี่น้องประชาชนที่มารอรับ ระยะทางรวม 15 กิโลเมตร

โดยหมอริท ได้บอกว่า

(1)ในบทสัมภาษณ์มีหลายครั้งที่พี่พูดว่า ที่พี่มาว่ายน้ำครั้งนี้ เพราะหมอและพยาบาลเค้าเหนื่อยกว่า เสี่ยงกว่า เลยอยากขออนุญาตฝากมุมมองไว้ซักนิดครับ เผื่อพี่อาจจะลืมมองเหตุผลพวกนี้นะครับ (ไหนๆคนก็สนใจโครงการพี่เยอะแล้ว)

(2) ต่อให้พี่ว่ายน้ำข้ามโขงเป็น 10 รอบ ได้เงินบริจาคมากว่า 1,000 ล้าน หมอ พยาบาล เค้าก็เหนื่อยเท่าเดิมครับ ขอยกตัวอย่างในฝั่งของหมอนะครับ ระบบสุขภาพของประเทศไทยคือ ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า แปลว่า คนไทยจะป่วยยังไง ก็มีการรักษารองรับ

(3)ซึ่งจริงๆดีกับคนไทยในบางมุมนะ เช่น คนจนมีสิทธิ์เข้าถึงการรักษา แต่ข้อเสียก็คือ คนไทยไม่ใส่ใจสุขภาพ เกิดปัญหา ซึ่งทำให้หมอต้องทำงานหนัก แต่ยังได้ค่าตอบแทนเท่าเดิม

(4)ซึ่งทุกวันนี้หมอไทยยังต้องทำงานเกินเวลาตามระเบียบกำหนด ทำให้เกิดภาวะสมองไหล หมอๆก็ออกนอกระบบโรงพยาบาลรัฐกันหมด หมอก็น้อยลง งานก็ยังหนัก ผลิตหมอเท่าไหร่ก็ไม่พอ ก็วนลูปแบบนี้ไปเรื่อยๆครับ ถึงบอกว่าเงินบริจาคเยอะแค่ไหน ก็ไม่ได้ช่วยให้หมอหายเหนื่อยครับ

(6) พี่บอกว่าหมอพยาบาลเสี่ยง คำถามคือ แล้วใครปล่อยให้หมอพยาบาลทำงานภายใต้ความเสี่ยง? ถ้ารู้ว่าเค้าทำงานแบบเสี่ยงอยู่ ทำไมผู้มีอำนาจโดยตรงถึงมองไม่เห็นและไม่สามารถจัดการปัญหานั้นโดยเร่งด่วนได้ หรืองบประมาณไม่เพียงพอ แล้วถ้างบไม่พอจริงๆ ทำไมไม่รายงานขึ้นไป ทำไมต้องรอเงินบริจาค?

(7)ส่วนตัวมองว่า การบริจาคไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดีนะครับ แต่ที่มา หลักการ จุดประสงค์ของโครงการและการนำเงินไปใช้ต้องชัดเจน รวมถึงควรสนับสนุนการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุไปในตัวด้วยครับ ถ้าพี่สื่อสารจุดนี้ได้ด้วย คิดว่าคนไม่เห็นด้วยน่าจะน้อยลงนะครับ และทำให้โครงการของพี่ดูมีเหตุสมควรมากขึ้น

นอกจากนี้สดๆร้อนๆเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2565 ครอบครัวศิริพานิช ของหมอริท ก็ได้ร่วมกันบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ซึ่งประกอบไปด้วย เครื่องผลิตออกซิเจน 3 เครื่อง, เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว 1,067 เครื่อง, ยาวิตามินซี 1,241 กระปุก, เกลือแร่ 4 ลัง, ชุด PPE 77 ชุด และปรอทวัดไข้ 150 อัน เพื่อช่วยเหลือผู้ป่ว ย cv-19 ที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ซึ่งเรื่องดังกล่าวทำให้ชาวเน็ตวิจารณ์หมอริทว่าย้อนแย้ง ตัวเองทำได้ แต่คนอื่นทำไม่ได้

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ